กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--วช. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้รับการยกย่องเป็น “เสาหลักประชาธิปไตย” ซึ่งหมายถึงผู้ค้ำจุนให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยสามารถดำรงอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นผู้มีบทบาททางการเมืองและเศรษฐกิจ เป็นผู้สร้างงานและกระจายรายได้สู่ชนบทซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า “นโยบายเงินผัน” และบทบาทสถานภาพต่าง ๆ กัน อาทิ อาจารย์ในมหาวิทยาลัย นักหนังสือพิมพ์ นักประวัติศาสตร์ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้ทุนอุดหนุนการวิจัยแก่ ผศ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ จากภาควิชาสังคมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ทำการวิจัยเรื่อง “แนวความคิดทางการเมืองและเศรษฐกิจไทยของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี” เพื่อศึกษาแนวความคิดทางการเมืองและเศรษฐกิจของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ช่วง พ.ศ. 2518 - 2519 และศึกษาบริบทของสังคมการเมืองไทยทั้งก่อนและในขณะที่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายก-รัฐมนตรี ผลการศึกษาวิจัยพบว่า แนวความคิดทางการเมืองของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ มีความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่จะต้องมีความแตกต่างทางความคิดเห็น แต่การแก้ไขปัญหาจะใช้วิธีการประนีประนอมและสันตวิธี จนถูกโจมตีว่าเป็นผู้มีบุคลิกกลับกลอกและอ่อนแอ แต่กระนั้นก็ดีรากฐานที่มั่นคง หนักแน่น ของความคิดทางการเมืองนั่นก็คือ การดำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในระบบการเมืองไทย ส่วนแนวความคิดทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ สามารถนำตัวตนของตนเองออกมาให้สัมผัสและเข้าใจถึงสถานการณ์ที่ดำเนินอยู่ในขณะนั้นหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งนับว่าเป็นผู้นำการเมืองที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ดังเช่น นโยบายทางเศรษฐกิจว่าด้วย “เงินผัน” ในยุคสมัย “เราทำได้” ตลอดจนตำนานเกี่ยวกับการเปิดประตูสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีของสองประเทศ--จบ--