ขิง บำรุงธาตุไฟ

ข่าวทั่วไป Thursday January 24, 2013 15:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ม.ค.--PR Network ฤดูหนาว เป็นช่วงเวลาของ “วาตะธาตุ” หรือ ธาตุลม มีลักษณะเย็นและแห้ง ส่งผลกระทบต่อธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ประกอบขึ้นเป็นชีวิตของคนเรา ใครที่มีธาตุทั้งสี่สมดุล ก็อาจจะมีภูมิต้านทานกับการเปลี่ยนแปลงแห่งฤดูกาลได้มากกว่าคนอื่นๆ สำหรับคนที่มีวาตะธาตุเป็นเจ้าเรือน คือ คนที่ผอมแห้งแรงน้อย หรือคนชราก็จะยิ่งได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่นๆ และรวมทั้งวัยเด็กที่มีเสมหะอันมีลักษณะเย็นชื้นเป็นเจ้าเรือน ธาตุไฟซึ่งอ่อนแรงอยู่แล้วก็จะยิ่งอ่อนแรงลงไป ธาตุน้ำและธาตุลมก็จะยิ่งกำเริบร่วมกันเสมหะก็จะเหนียวและแห้ง คนจะเจ็บป่วยด้วยอาการหวัดและอาหารไอแห้งๆ รวมทั้งมีการกำเริบของหอบหืด ซึ่งเป็นผลพวงแห่งการมาเยือนของฤดูหนาว ดังนั้น ในเด็กและคนชราจึงเป็นกลุ่มคนที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดในฤดูกาลนี้ และหนึ่งในสมุนไพรที่จะช่วยเพิ่มธาตุไฟในหน้าหนาวก็คือ “ขิง” นั่นเอง ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “สำหรับสมุนไพรขิง ได้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายมาอย่างยาวนาน อาทิ จีน ซึ่งเป็นชนชาติที่เก่าแก่ ก็ได้มีการใช้ประโยชน์จากขิงมายาวนาน แพทย์จีนโบราณจัดขิงเป็นพืชรสเผ็ดอุ่น มีฤทธิ์แก้หวัดเย็น ขับเหงื่อ บำรุงกระเพาะ แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ลดคลอเลสเตอรอลที่สะสมในตับและเส้นเลือด ชาวจีนทั่วไปจะรู้ดีว่าถ้าต้มขิงกับน้ำตาลอ้อยจะช่วยแก้หวัด ถ้าใช้ขิงสดปิดที่ขมับทั้งสองข้างจะช่วยแก้ปวดหัว และถ้าเอาขิงสดอมไว้ใต้ลิ้นจะช่วยแก้อาการกระวนกระวาย แก้คลื่นไส้อาเจียนได้ดีในตำรับเภสัชของสาธารณรัฐประชาชนจีน ค.ศ.1985 จึงบรรจุขิง ทั้งขิงสด ขิงแห้ง และทิงเจอร์ขิงเป็นยาสมุนไพรแห่งชาติตัวหนึ่ง แพทย์จีนโบราณจะใช้ประโยชน์จากขิงสดและขิงแห้งในแง่มุมที่ต่างกัน โดยจะใช้ขิงแห้งในภาวะที่ขาดหยาง (ภาวะขาดหยาง คือ ภาวะที่ร่างกายมีอาการเย็น หนาวง่าย ทนต่อความเย็นได้น้อย การย่อยอาหารไม่ดี เป็นต้น) ขิงสดจะใช้เมื่อต้องการกำจัดพิษที่เกิดจากการติดเชื้อภายในร่างกาย โดยการขับพิษออกมาทางเหงื่อ ขิงสดช่วยทำให้ร่างกายปรับสภาพในภาวะที่ร่างกายมีอาการเย็นได้เช่นเดียวกับขิงแห้ง ช่วยลดการคลื่นไส้อาเจียน โดยใช้ขิงสด 30 กรัม (3 ขีด) สับให้ละเอียดต้มทานในขณะท้องว่าง นอกจากนี้ ขิงยังช่วยกำจัดพิษโดยการเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยขับเสมหะ โดยการใช้ขิงสดคั้นเอาแต่น้ำประมาณครึ่งถ้วยผสมน้ำผึ้ง 30 กรัม (6 ช้อน) อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน ส่วนในอินเดีย อีกชาติหนึ่งที่มีการใช้สมุนไพรขิงอย่างแพร่หลาย ซึ่งการใช้ขิงแห้งและขิงสดไม่แตกต่างกัน โดยในอินเดียจะใช้ขิงในการทาถูนวดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ใช้ขิงลดการอักเสบ แก้ปวด ลดอาการบวมน้ำ ใช้เป็นยากระตุ้นการอยากอาหาร เป็นยาช่วยย่อย ช่วยขับลมในลำไส้ ช่วยระงับการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยกระตุ้นกำหนัด ในตำรับยาทางอายุรเวทยังมีการใช้ขิงในการลดการบวมและการอักเสบของตับ คนพื้นเมืองอินเดียทั่วไปยังนิยมใช้น้ำคั้นจากขิงผสมน้ำผึ้ง และน้ำคั้นจากกระเทียมรักษาอาการหอบหืด ทั้งยังมีการใช้ขิงผงแห้งละลายน้ำอุ่นทาที่หน้าผากรักษาอาการปวดหัว แพทย์ชาวอาหรับโบราณก็ใช้ประโยชน์จากขิงคล้ายๆ กัน แต่ที่แตกต่าง คือ จะเน้นการใช้ขิงในการกระตุ้นความกำหนัด ส่วนคนยุโรปโดยทั่วไปจะใช้ชาขิงในการช่วยย่อย ช่วยรักษาอาการท้องอืดจากการดื่มเหล้า ช่วยขับลม ทั้งยังใช้ในการรักษาโรคเก๊าท์ และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต นักสมุนไพรรุ่นใหม่ของตะวันตก มักแนะนำให้ใช้ขิงในการช่วยย่อยอาหาร ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต และลดการคลื่นไส้อาเจียนจากการเคลื่อนไหวที่ไม่สมดุล (motion sickness) รวมทั้งให้ใช้ลดการคลื่นไส้อาเจียนหลังการผ่าตัด และจากการแพ้ท้องได้บ้าง แต่คนท้องไม่ควรรับประทานเป็นประจำ และสิ่งที่คนทุกมุมโลกใช้แหมือนๆ กัน ก็คือ การใช้ในการแก้หวัด และแก้ไอ ซึ่งได้มีการศึกษาพบว่า “ขิง” หรือชื่อวิทยาศาสตร์ : Zingiber officinale Rosc. มีสารหลายชนิดที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และมีการทดลองพบว่า น้ำขิงต้ม ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาส (Macrophage) จับกินไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณค่าภูมิปัญญาอันเก่าแก่ในการใช้ประโยชน์จากขิง “ขิง” จึงเป็นสมุนไพรแนะนำสำหรับการใช้เป็นเครื่องดื่มในฤดูกาลนี้ เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่หาง่าย มีความปลอดภัยสูง ใช้กันมานาน คนทั่วไปคุ้นเคย กินง่าย ทำได้เอง ปัจจุบัน ขิง บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และองค์การอนามัยโลกรับรองในการรักษาหวัด แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้ในคนท้อง และกินยาก ยกเว้นต้องซื้อจากบริษัทผู้ผลิตที่มีการควบคุณภาพที่ดีพอ ดังนั้น ในกรณีที่เป็นหวัด น้ำขิงที่ต้มเองจะดีที่สุด และเราสามารถตั้งตำรับของเราเองได้ตามใจชอบด้วย เช่น ตำรับน้ำขิงพิชิตหวัด แก้ไอ ส่วนผสม ขิงแก่สด 1 ถ้วย น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด 3 ลิตร วิธีทำ ล้างขิงให้สะอาด แล้วนำมาทุบให้พอบุบๆ โดยไม่ต้องขูดเปลือกทิ้ง ต้มขิงกับน้ำให้เดือดแล้วลดไฟลง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนไปเรื่อยๆ จนน้ำขิงกลายเป็นสีเหลือง เติมน้ำตาลตามใจชอบ และสำหรับคนไทย แน่นอนว่ารู้จักสมุนไพร “ขิง” เป็นอย่างดี เพราะเป็นเครื่องเทศที่นำมาปรุงเป็นอาหารได้สารพัด ช่วยทำให้อาหารหอมหวนชวนทาน ช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร และอยู่ในตำรับยารักษาโรคภัยไข้เจ็บได้มากมายหลายโรค ทั้งช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำนม ช่วยบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง ฯลฯ ดังนั้น ก่อนที่จะเจ็บป่วยเป็นอะไรไปในหน้าหนาวนี้ ต้มน้ำขิงกินกันไว้เลยดีกว่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ