CIO กลุ่มอเบอร์ดีนมองตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุน

ข่าวทั่วไป Wednesday December 1, 2004 09:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ธ.ค.--บลจ.อเบอร์ดีน
แอน ริชาร์ด หัวหน้าสำนักบริหารการลงทุนกลุ่มอเบอร์ดีน สำนักงานใหญ่ ณ กรุงลอนดอน บินมาเยี่ยมชมบริษัทไทยอย่างใกล้ชิด เผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย เห็นชี้ชัดจากตัวเลขมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของอเบอร์ดีนแถบเอเชียเพิ่มขึ้นถึง 30% เตรียมขนข้อมูลกลับไปชี้ชวนนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนไทยเพิ่มขึ้น
นางสาวแอน ริชาร์ด (Mrs.Anne Richards) หัวหน้าสำนักบริหารการลงทุน (Chief Investment Officer) กลุ่มอเบอร์ดีนประจำสำนักงานใหญ่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (Aberdeen Asset Management) เปิดเผยภายหลังจากเดินทางมาเยี่ยมสำนักงานบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด ประจำประเทศไทยว่า ปัจจุบันนักลงทุนต่างประเทศได้เพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น เห็นได้ชัดจากตัวเลขมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของอเบอร์ดีนในแถบเอเชียแปซิฟิค ที่เพิ่มขึ้น 30% เทียบจากตัวเลขมูลค่าสินทรัพย์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2546 อยู่ที่ 9.295 พันล้านเหรียญสหรัฐ และได้เพิ่มขึ้นเป็น 12.167 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2547 คิดเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นในระยะ 10 เดือน ประมาณ 2.87 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 114,000 ล้านบาท (ที่มา : Bloomberg)
นางสาวแอนเผยว่า การที่ผู้ลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะ Pension Fund เพิ่มการลงทุนในเอเชียประกอบด้วยเหตุผลหลัก ๆ คือ 1. ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ทั้งนี้ผลตอบแทนเฉลี่ยจากเงินปันผล (ไม่รวมญี่ปุ่น) อยู่ที่ประมาณ 3.31% ในปี 2547 และมีแนวโน้มที่จะสูงขั้นในอีก 2 ปีข้างหน้า เป็น 3.63%, 3.91% ในปี 2548 และ 2549 ตามลำดับ ผู้ลงทุนสถาบันเหล่านี้มีการวางแผนการลงทุนระยะยาว และมีข้อผูกพันในการจ่ายเงินให้กับลูกจ้าง ซึ่งการลงทุนในตลาดที่เติบโตคงที่แล้ว แบบเดิม ๆ ไม่สามารถให้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังได้ในระยะยาว 2.ปัจจัยเศรษฐกิจ และการเมืองที่มั่นคงขึ้น หลังจากภาวะวิกฤตเมื่อปี 2540 ประเทศในแถบเอเชียได้มี การปรับปรุงโครงสร้าง และระบบเงินภายในประเทศ ทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดดีขึ้น และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของบริษัทต่าง ๆ นั้นมีการปรับตัวในการบริหารให้มีความโปร่งใส และมีการจัดการอย่างมีระบบมากขึ้น
นางสาวแอนกล่าวต่อว่า ในส่วนของอเบอร์ดีนนั้น ผู้ลงทุนต่างประเทศมีทั้งผู้ลงทุนสถาบันที่ลงทุนโดยตรงคิดเป็นตัวเลขประมาณ 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และผู้ลงทุนผ่านกองทุนต่าง ๆ ของอเบอร์ดีนอีกประมาณ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ การลงทุนของอเบอร์ดีนในต่างประเทศนั้นมีหลายแบบ อาทิ Aberdeen Global Asia Pacific Fund* ซึ่งเป็นกองทุนกระจายการลงทุนในหลายประเทศในแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ อินเดีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน ออสเตรเลีย ไทย และมาเลเซีย เป็นต้น นอกจากนี้ก็มีกองทุนที่เน้นการลงทุนในแต่ละประเทศ อาทิ Aberdeen China Opportunities Fund*, Aberdeen Thailand Equity Fund* และ Aberdeen India Opportunities Fund* เป็นต้น ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกกระจายการลงทุนได้ตามวัตถุประสงค์การลงทุน และการยอมรับความเสี่ยง
* กองทุนเหล่านี้มิได้เสนอขายในประเทศไทย
“กองทุนทุกกองมีข้อแตกต่างเพียงแค่ขอบเขตของประเทศ หรือภูมิภาคที่จะลงทุน ทั้งนี้ขั้นตอนการลงทุน การพิจารณา และเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนซึ่งเป็นจุดเด่นที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ลงทุนนั้นเหมือนกันในทุก ๆ สำนักงานของอเบอร์ดีน” นางสาวแอน กล่าวย้ำ
นางสาวแอน ริชาร์ด ยกตัวอย่าง Aberdeen Global Asia Pacific Fund* ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งมาตั้งแต่ปี 2531 และลงทุนในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียมาถึง 16 ปีว่า เป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศมาก ปัจจุบันมีขนาดกองทุน 849 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 33.9 พันล้านบาท และมีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีนับตั้งแต่จัดตั้งเท่ากับ 10.7% เมื่อเทียบกับ MSCI AC Asia Pacific Ex Japan ซึ่งอยู่ที่ 8.4% ต่อปี ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีการลงทุนเป็นสกุลดอลล่าร์สหรัฐ โดยปัจจุบันลงทุนใน 59 หลักทรัพย์ ใน 12 ประเทศในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย
ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักบริหารการลงทุน (Chief Investment Officer) นางสาวแอน ริชาร์ด ยังต้องทำหน้าที่เหมือนผู้จัดการกองทุนคนอื่น ๆ ของอเบอร์ดีน คือ การเยี่ยมชมบริษัทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในครั้งนี้เช่นกัน
“ราคาหุ้นหลายตัวในประเทศไทยยังมีความน่าสนใจ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะตลาดโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ปรับตัวลดลงถึง 15.51% นับตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่ตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคมีการปรับตัวสูงขึ้น ตามตารางการเปรียบเทียบด้านล่าง การสวนกระแสของตลาดตลาดจีนและไทยถือเป็นเหตุการณ์ปกติหลังจากที่ทั้งสองตลาดมีการปรับตัวขึ้นอย่างแรงในปี 2546 การเปลี่ยนแปลงของตลาดไทยในปีนี้ได้สะท้อนให้ผู้ลงทุนในประเทศเห็นถึงการความสำคัญของมูลค่าของกิจการ และการลงทุนในระยะยาว ซึ่งเป็นการพัฒนาและสร้างความมั่นคงของตลาดทุนไทย และเป็นสัญญาณที่ดีในการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศ ปัจจุบันนี้ P/E ของตลาดไทยโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 9 — 10 เท่า ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอื่นๆ ที่อยู่ในระดับ 11 — 16 เท่า (ยกเว้นเกาหลีใต้ที่ P/E เท่ากับ 7 เท่า) จะได้เห็นว่าตลาดหุ้นของไทยอยู่ในระดับที่น่าลงทุน อย่างไรก็ตามการเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ และ อเบอร์ดีนได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก” นางสาวแอน กล่าว
ตลาดหลักทรัพย์ YTD — US$
จีน -3.85%
ฮ่องกง 10.36%
อินโดนีเซีย 31.37%
อินเดีย 2.48%
เกาหลีใต้ 21.10%
มาเลเซีย 14.46%
ฟิลิปปินส์ 24.32%
สิงคโปร์ 19.35%
ไทย -.1551
ไต้หวัน 3.37%
ที่มา : บลจ.อเบอร์ดีน จำกัด, Bloomberg, IRSS ณ 26 พ.ย. 2547 (ยกเว้น จีน เป็นข้อมูล ณ 25 พ.ย. 2547)
* กองทุนเหล่านี้มิได้เสนอขายในประเทศไทย
นางสาวแอน ริชาร์ด ยังได้กล่าวเสริมว่า การเดินทางในครั้งนี้ยังเป็นการตรวจสอบมาตรฐานการปฏิบัติงาน และการลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามหลักการเดียวกันทั้งในแง่การควบคุมความเสี่ยง การสร้างผลตอบแทน และความโปร่งใสในขั้นตอนการลงทุน รวมถึงการมีโอกาสได้พบกับผู้จัดการกองทุนในกลุ่มที่ใกล้ชิดกับแต่ละตลาดของแต่ละประเทศ
“กลุ่มอเบอร์ดีนเห็นโอกาสที่ตลาดการลงทุนของไทยจะขยายตัว และมั่นคงขึ้นจากความมีเสถียรภาพ และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และโอกาสการลงทุนของนักลงทุนไทยน่าจะขยายกว้างออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งอเบอร์ดีนมีกองทุน และความพร้อมอยู่แล้ว” นางสาวแอน กล่าวทิ้งท้ายอย่างมั่นใจ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณกนกลดา ฤกษ์เกษม
ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด
โทร. 0-2636-8248--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ