กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--เซ็นทรัล กรุ๊ป
อานตี้ แอนส์ ผู้บุกเบิกและผู้นำตลาดเพรทเซลรายแรกของเมืองไทย ประกาศย้ำความสำเร็จกลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม เดินหน้าพลิกระบบรอยัลตี้โปรแกรมใหม่รับปี’48 เพื่อสร้างความภักดีกับลูกค้าระยะยาวด้วยแนวคิด “การจัดการลูกค้าสัมพันธ์โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง” พร้อมขยับฐานสมาชิกปี’ 48 เพิ่มสู่ 100,000 ราย
นายสุชีพ ธรรมาชีพเจริญ ผู้จัดการทั่วไป อานตี้ แอนส์ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซ่า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ที่ผ่านมาอานตี้ แอนส์ นับว่าเป็นแบรนด์หนึ่งในตลาดที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการนำกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มมาใช้เพื่อสร้างบริหาร จัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า เพราะเราตระหนักดีว่าลูกค้าคือบุคคลสำคัญที่จะเป็นผู้กำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวให้กับแบรนด์ได้ และยิ่งกว่านั้นคือ เราต้องการให้ “อานตี้ แอนส์” คือ เพรทเซลอันดับหนึ่งในใจของพวกเขาตลอดไป ดังนั้นภารกิจของทั้งฝ่ายการตลาดและโอเปอเรชั่นของอานตี้ แอนส์ จึงเป็นการดำเนินการเพื่อมุ่งสร้างและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกค้าที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าอยู่กับเรานานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และตลอดไป”
“ภายใต้กลยุทธ์ซีอาร์เอ็มที่อานตี้ แอนส์ ที่ใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการทำตลาดนั้น เราต้องลืมกรอบแนวคิดแบบเดิมๆที่มีมา ไม่ว่าจะเป็น 4P’s คือ สินค้า ราคา สถานที่จำหน่ายและการส่งเสริมการขาย และเปลี่ยนกรอบแนวคิดใหม่ไปสู่การทำตลาดโดยคิดจากในมุมมองของลูกค้าแทน (Customer Convenience, Customer Want&Need, Customer Cost และ Customer Communication) หรือ 4C’s การดำเนินกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มตามกรอบแนวคิด 4C’s ช่วยให้เราตอบโจทย์ได้ว่าเราต้องการใครมากที่สุด คำตอบคือลูกค้า เพราะฉะนั้นการทำตลาดของอานตี้ แอนส์ จึงเป็นการทำตลาดที่เปรียบตัวเองว่าเราคือลูกค้าคนหนึ่งเช่นกัน โปรแกรมการตลาดต่างๆ ที่เราคิดขึ้น จึงพัฒนาจากมุมมองของลูกค้า โดยมีเครื่องมือหลักคือ การศึกษาวิจัยเชิงลึก (Customer insight) เพื่อค้นหาความต้องการของลูกค้าที่แท้จริง เมื่อค้นพบว่า ลูกค้าต้องการอะไรเราก็มีหน้าที่สนองตอบความต้องการของเขา ฉะนั้นความต้องการของลูกค้า คือโจทย์การทำงานของเรา”
“ระบบรอยัลตี้โปรแกรม เป็นอีกหนึ่งวิธีภายใต้แนวคิดซีอาร์เอ็มที่อานตี้ แอนส์ นำมาใช้ เพื่อต้องการสร้างและรักษาลูกค้าเดิมให้อยู่กับเราตลอดไป เพราะเราเชื่อว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อหาลูกค้าใหม่นั้นสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการการรักษาลูกค้าเดิมที่มีอยู่หลายเท่า ดังนั้นอานตี้ แอนส์ จึงได้จัดทำระบบรอยัลตี้โปรแกรมหรือระบบสมาชิกที่เรียกว่า “เพรทเซลคลับ” ซึ่งเราได้ทำดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 และในปี 2548 นี้ อานตี้ แอนส์ ได้ ทำการปรับเปลี่ยนระบบรอยัลตี้โปรแกรมใหม่เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายสูงสุด (Customer Convenience) กับผู้บริโภค และคาดว่าจะช่วยให้สามารถเพิ่มความถี่ในการซื้อสูงขึ้นจากเดิม 2 เท่าซึ่งปกติมีอัตราเฉลี่ย การซื้อ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ทั้งนี้เรามั่นใจว่าเราคือแบรนด์แรกในตลาดที่กล้าเสนอโปรแกรมซื้อ 1 แถม 1 ได้สูงถึง 100 ครั้งตลอดทั้งปี ในวันใดก็ได้ที่ลูกค้าต้องการ และไม่มีการจำกัดจำนวนการซื้อใดๆทั้งสิ้น”
“นอกจากรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ของบัตรสมาชิกเพรทเซลคลับในปี 2548 ที่มีความสวยงามและทันสมัยแล้ว ระบบสมาชิกเพรทเซลคลับของอานตี้ แอนส์ ในปี 2548 ยังมีความแตกต่างจากเดิม โดยจะแบ่งสมาชิกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ Platinum, Gold และ Freshy ตามประเภทของสมาชิก รวมทั้งสิ้น 100,000 คน โดยเฉพาะสมาชิกประเภท Platinum ที่จะสงวนสิทธิ์สำหรับสมาชิกเก่าประเภท VIP จำนวน 10,000 คนแรกเท่านั้น จากจำนวนที่มีอยู่เดิม 50,000 คน เนื่องจากสมาชิกกลุ่มนี้จะถูกจัดให้เป็นกลุ่มสมาชิกระดับพิเศษสูงสุดที่จะได้รับ สิทธิพิเศษในการซื้อสินค้าและร่วมกิจกรรมพิเศษเฉพาะกลุ่มกับอานตี้ แอนส์ตลอดทั้งปี ส่วนสมาชิกประเภท Gold และ Freshy จะเป็นกลุ่มสมาชิกเดิมที่ทำการต่ออายุบัตร และสมาชิกใหม่ โดยกำหนดเป้าหมายไว้ที่จำนวน 40,000 คน และ 50,000 คน ตามลำดับ”
นายสุชีพ กล่าวเสริมว่า “เราเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงระบบรอยัลตี้ใหม่ของอานตี้ แอนส์ ที่เป็นรายแรกของตลาดที่กล้าเสนอโปรแกรมจากมุมมองในฐานะลูกค้าโดยมองถึงต้องการความสะดวกสบายในการใช้งานจะทำให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์จากการเป็นสมาชิกอย่างแท้จริง เนื่องจากระบบรอยัลตี้โปรแกรม หรือการจัดแคมเปญโปรโมชั่นของสินค้าในตลาดส่วนใหญ่จะเลือกวันธรรมดาทั้งหมดหรือเป็นวันที่มีระดับยอดขายต่ำเท่านั้น ซึ่งหมายถึงเป็นวันที่ลูกค้าไม่สะดวกที่จะมาใช้บริการด้วย จึงทำให้ลูกค้าไม่มีโอกาสรับประโยชน์จากโปรแกรมการตลาดที่จัดขึ้นอย่างเต็มที่ ดังนั้นระบบรอยัลตี้ใหม่ของอานตี้ แอนส์ จึงเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง เพราะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องวันและจำนวนในการซื้อแต่ละครั้ง ซึ่งนำสู่การช่วยเพิ่มความถี่ในการซื้อสูงขึ้นถึง 2 เท่า รวมถึงเป็นการเพิ่มจำนวนสมาชิกและสร้างโอกาสให้สมาชิกใหม่ได้ทดลองสินค้าอีกด้วย”
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
เบญจมาภรณ์ บำราพรักษ์
โทร.01-613 8426--จบ--