ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จับมือ บลจ.ไทยพาณิชย์ จัดตั้ง กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท มูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ดีเดย์เปิดจอง 15-22 มี.ค.นี้ ราคาเสนอขาย 10.40 บาท/หน่วย

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 7, 2013 11:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--PRDD บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ กลุ่มไทยพาณิชย์ ได้ร่วมมือกันจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (Erawan Hotel Growth Property Fund: ERWPF) เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมชั้นประหยัดของบมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้รับประกันการจำหน่ายหน่วยลงทุน นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวม ERWPF จะรับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน (Freehold) ของทั้งสองโรงแรม ซึ่งประกอบด้วยที่ดินพร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้าง งานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับกิจการโรงแรม และเฟอร์นิเจอร์ ทรัพย์สินติดตรึงตรา และอุปกรณ์ต่างๆ จาก บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป สำหรับโรงแรมไอบิส ป่าตอง ตั้งอยู่ใจกลางหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ตัวโรงแรมมีลักษณะเป็นอาคารสูง 5 ชั้นอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ 3 งาน และ 28.6 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดประมาณ 10,400 ตารางเมตร (รวมพื้นที่ส่วนกลางและสระว่ายน้ำ) และห้องพักจำนวน 260 ห้อง ส่วน โรงแรมไอบิส พัทยา ตั้งอยู่ใกล้ชายหาดพัทยา ตัวโรงแรมประกอบด้วย อาคารสูง 7 ชั้น อยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ 2 งาน และ 34.3 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดประมาณ 10,100 ตารางเมตร (รวมพื้นที่ส่วนกลางและสระว่ายน้ำ) และห้องพักจำนวน 254 ห้อง ทั้งนี้ โรงแรมทั้ง 2 แห่งได้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2551 โดยดำเนินงานอยู่ภายใต้แบรนด์ไอบิส ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมชั้นประหยัดที่เป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้เป็นที่มั่นใจได้ว่าคุณภาพการให้บริการ การทำการตลาด และการควบคุมค่าใช้จ่ายของโรงแรมจะเป็นไปตามมาตรฐานสากลและมีประสิทธิภาพ นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิเอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ดิ เอราวัณ กรุ๊ป มีโรงแรมชั้นประหยัดในกลุ่มไอบิสทั้งหมด 9 แห่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ โดยโรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา ถือว่าเป็น 2 โรงแรมชั้นประหยัดที่มีผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง จุดเด่นสำคัญของโรงแรมทั้ง 2 แห่ง คือ คุณภาพของทรัพย์สินที่ดีเยี่ยมและทำเลที่ตั้งที่โดดเด่นถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ ตลอดจนผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 โรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา มีรายได้รวม สูงถึง 114.2 ล้านบาท และ 106.3 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ในช่วงปี 2552 ถึง 2555 เท่ากับ 11% และ 22% ตามลำดับ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ได้เน้นเรื่องการขยายธุรกิจโรงแรมชั้นประหยัดมาโดยตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นศักยภาพในการเติบโตสูงจากการที่มีฐานลูกค้ากว้างขวาง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศจีน อินเดีย และรัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ที่มีความสำคัญต่อประเทศและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต นอกจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว นักท่องเที่ยวไทยมีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้นซึ่งเป็นผลจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศจากรัฐบาลอย่างจริงจังในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่จะเลือกพักในโรงแรมชั้นประหยัดหรือระดับกลางมากกว่าโรงแรมระดับบน ซึ่งสภาวะดังกล่าวเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของโรงแรมในกลุ่มนี้ของบริษัท ทั้งนี้ กองทุนรวม ERWPF จะได้รับค่าเช่าคงที่ตลอดระยะเวลาการเช่าและได้รับค่าเช่าแปรผันเพิ่มเติมตามที่กำหนดในสัญญา พร้อมการรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำที่จ่ายเข้ากองทุนรวมในช่วง 4 ปีแรก นับแต่วันที่กองทุนรวมเข้าลงทุนในทรัพย์สินจาก บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำนวน 111.5 ล้านบาทต่อปี ซึ่งกระบวนการรับประกันรายได้ดังกล่าวเป็นการเพิ่มความแน่นอนในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ที่กำหนดจ่ายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง นอกจากนี้ หากมองในส่วนของโอกาสในการเติบโตของกองทุนรวมแล้ว กองทุนรวม ERWPF ยังได้รับสิทธิจาก บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ในการลงทุนในโรงแรมเครือไอบิสที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยที่ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือเป็นผู้มีสิทธิครอบครองทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ตลอดระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนรวม นอกจากนี้กองทุนรวมมีนโยบายชัดเจนในการประมูลหนึ่งในทรัพย์สินที่ลงทุนในทุกๆรอบ 5 ปี ซึ่งเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่กองทุนรวมนอกเหนือจากรายได้ค่าเช่า เนื่องจากทรัพย์สินมีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าในอนาคต โดยกองทุนรวม ERWPF จะเปิดเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไประหว่างวันที่ 15-22 มีนาคม 2556 ในราคา 10.40 บาทต่อหน่วย โดยมีจำนวนเงินทุนของโครงการทั้งสิ้นไม่เกิน 1,831,440,000 ล้านบาท โดยจำนวนจองซื้อขั้นต่ำ 4,000 หน่วย และเพิ่มเป็นทวีคูณของ 1,000 หน่วย ซึ่งวิธีการเสนอขายและจัดสรรหน่วยลงทุนให้กับผู้จองซื้อทั่วไปตามเกณฑ์สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยกำหนดการจัดสรรในรูปแบบ Small-Lot First สำหรับผู้จองซื้อทั่วไป ส่วนนางสาววรดา ตั้งสืบกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Investment Banking Coverage 2 ฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จุดเด่นของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) คือ ทรัพย์สินที่จะลงทุนมีคุณภาพสูงและมีการกระจายที่ตั้งใน 2 ทำเลที่มีศักยภาพสูงในเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ ทั้งพัทยาและภูเก็ต เนื่องจากมีทำเลที่ดีมากจึงมีโอกาสได้รับประโยชน์จากราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต โดยการที่กองทุนรวม ERWPF จะได้รับค่าเช่าคงที่ตลอดระยะเวลาการเช่า และได้รับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำโดย บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ในช่วง 4 ปีแรก ช่วยลดความเสี่ยงของรายได้ที่อาจมีความผันผวนได้ นอกจากนี้ ทางกองทุนรวม ERWPF ยังได้รับสิทธิจาก บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ในการลงทุนในโรงแรมเครือไอบิสในประเทศไทยของ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ตลอดระยะเวลา 5 ปี ข้างหน้านับจากวันที่จดทะเบียนจัดตั้งกองทุน ทั้งนี้ กองทุนรวม ERWPF จะมี บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เป็นผู้ถือหน่วยรายใหญ่และผู้เช่าทรัพย์สินจากกองทุนรวมที่ถือได้ว่าเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าที่มีผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจโรงแรมชั้นนำในทุกระดับซึ่งได้รับการยอมรับมานานกว่า 30 ปี ทางธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จึงมั่นใจว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เอราวัณ โฮเทล โกรท จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ