เอ็มเอฟซีโชว์รายได้รวมสูงสุดตั้งแต่จัดตั้งบริษัท ตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 2556 เป็น 310,000 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 18, 2013 14:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--บลจ.เอ็มเอฟซี เอ็มเอฟซีโชว์รายได้รวมสูงสุดตั้งแต่จัดตั้งบริษัท ตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 2556 เป็น 310,000 ล้านบาทเน้นสร้างความพึงพอใจในผลตอบแทนจากกองทุนทุกประเภท พัฒนาระบบงานทะเบียนกองทุนและเว็บไซต์รองรับนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น พร้อมสร้างแบรนด์เอ็มเอฟซีต่อเนื่อง บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เผยผลงานปี 2555 บริษัทมีรายได้รวม 828.26 ล้านบาทสูงสุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัท และยังมีผลกำไรสุทธิของบริษัทสูงสุดในรอบ 17 ปี ที่ 205.75 ล้านบาท ส่วนในปี 2556 ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) เป็น 310,000 ล้านบาท และมุ่งสร้างรายได้บริษัทเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 7.3 เป็น 888 ล้านบาท เน้นกลยุทธ์หลักสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าจากผลงานการบริหารกองทุนและผลตอบแทนทุกประเภทกองทุน สร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ “MFC” ให้อยู่ในใจลูกค้าต่อจากปีที่แล้วผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ตลอดปี พัฒนาปรับปรุงระบบทะเบียนกองทุนต่อเนื่อง พัฒนาเวบไซต์ใหม่ให้ทันสมัยรองรับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น มุ่งเน้นสร้างการเติบโตและรายได้ที่ยั่งยืนให้กับบริษัท นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2555 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนทุกประเภทภายใต้การจัดการของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2554 คิดเป็นร้อยละ 13 กล่าวคือ จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 2554 จำนวน 268,140 ล้านบาทเป็น 303,093 ล้านบาทในปี 2555 โดยกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปี 2554 จำนวน 155,037 ล้านบาทเป็นจำนวน 173,574 ล้านบาทในปี 2555 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตเพิ่มร้อยละ 25 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 2554 จำนวน 85,768 ล้านบาทเป็นจำนวน 107,763 ล้านบาทในปี 2555 และกองทุนส่วนบุคคลปี 2555 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิจำนวน 21,756 ล้านบาท เอ็มเอฟซีได้เสนอขายกองทุนใหม่ในปีที่แล้ว 26 กองทุน เป็นกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ 13 กองทุน และกองทุนประเภท Term Fund 12 กองทุน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุน รวมมูลค่ากว่า 15,500 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดของกองทุนรวมตราสารทุน และกองทุนรวมผสมเป็นอันดับ 1 ทั้งสองประเภท คิดเป็นร้อยละ 19.24 และ17.46 ตามลำดับ (ข้อมูลจาก สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ณ 31 ธันวาคม 2555 ) ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา เอ็มเอฟซีมีผลงานโดดเด่นในการบริหารกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยสามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ตามเป้าหมายรวม 10 กองทุน (ตารางประกอบ1) นอกจากนี้ภายในสองเดือนแรกของปี 2556 เอ็มเอฟซียังสามารถปิดกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ได้ตามเป้าหมายอีกรวม 5 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด SPOT 55 SPOT55S2 SPOT 33 SPOT33 S2 และ SPOT 33S3 ได้ภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนเศษถึงสองเดือนเศษเท่านั้น (ตารางประกอบ 2) นอกจากนี้ เอ็มเอฟซีสามารถสร้างผลงานเป็นที่น่าพอใจแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากการจ่ายเงินปันผลของกองทุนรวม 33 กองทุน เป็น ยอดเงิน ประมาณ 2,087.80 ล้านบาทในปี 2555 โดยกองทุนที่จ่ายเงินปันผลต่อหน่วยและปันผลรวมสูงสุด คือ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไอ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ (HI-DIV) จ่ายเงินปันผลในปีที่ผ่านมา 5 ครั้ง สูงสุดรวมกว่า 921.18 ล้านบาท หรือ 3.85 บาทต่อหน่วยลงทุน ทั้งนี้กองทุนเปิด HI-DIV เป็นกองทุนประเภทตราสารทุนประเภท Equity SET ที่ใหญ่ที่สุด ของอุตสาหกรรม (ข้อมูลจากสมาคมจัดการลงทุน ณ 28 กุมภาพันธ์ 2556) ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 8,226.06 ล้านบาทและมูลค่าหน่วยลงทุน 12.2961 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มีนาคม 2556) นอกจากนี้ กองทุนภายใต้การบริหารของเอ็มเอฟซีที่ได้รับรางวัลได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สมาร์ท ฟิกซ์ อินคัม (SMART) ได้รางวัล Morningstar Awards Thailand 2012 ประเภทกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น รางวัลที่ภาคภูมิใจมากที่สุดของเอ็มเอฟซี คือการได้รับรางวัลโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถึง 3 รางวัล จากผลงานการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น ประเภท Pooled Fund กองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่นประเภทขนาดกองทุน 5,000 ล้านบาท (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่นประเภทขนาดกองทุน 1,000-5,000 ล้านบาท (โรงงานยาสูบ) ในด้านระบบงานเมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทได้ให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยี โดยมีการลงทุนติดตั้งระบบ Charles River Investment Management System ซึ่งเป็นระบบงานลงทุนใหม่ เพื่อช่วยในการทำงานของผู้จัดการกองทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความทันสมัยสามารถรองรับการลงทุนในตราสารรูปแบบใหม่ๆ ในตลาดได้มากกว่าระบบเดิม ซึ่งระบบงานดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายในธุรกิจการจัดการกองทุนทั่วโลก โดยระบบดังกล่าวสามารถติดตั้งเสร็จสมบูรณ์และใช้งานได้ภายในเวลา 4 เดือน ซึ่งถือว่าดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าแผนงานที่ตั้งไว้ นอกจากนั้น บริษัทยังลงทุนในติดตั้งระบบ Pentacle ซึ่งเป็นระบบทะเบียนกองทุนรวมและระบบการซื้อขายหน่วยลงทุนผ่าน website ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในการใช้บริการด้านข้อมูลรวมถึงการทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น นางสาวประภา กล่าวต่อไปว่า ในปี 2556 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 310,000 ล้านบาท และมีรายได้เพิ่มเป็น 888 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าจากผลงานการบริหารกองทุนและผลตอบแทนทุกประเภทกองทุน โดยในด้านการบริหารกองทุนจะเน้นเชิงรุก (Aggressive) มากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนของผู้จัดการกองทุน ผ่านเครื่องมือการลงทุน ติดตามผลและควบคุมการลงทุนใหม่ๆ เพื่อรักษาผลงานการลงทุนให้อยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ด้านระบบงาน บริษัทจะพัฒนาระบบรองรับงานทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน Phase ที่ 2 ต่อจากระบบที่ได้พัฒนาจากเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อให้การบริการลูกค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการพัฒนาและปรับปรุงระบบ Smart Trade ให้มีความทันสมัย สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันระบบดังกล่าวมีลูกค้ามาสมัครใช้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนมากขึ้นจากเดิมจำนวน 2,500 ราย เป็นกว่า 8,000 ราย กรรมการผู้จัดการเอ็มเอฟซี กล่าวว่า ในปีนี้ เอ็มเอฟซียังคงเน้นเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ “MFC” ให้อยู่ในใจของลูกค้า ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในสื่อต่างๆ ครอบคลุมทั้งสื่อโทรทัศน์ BTS บิลบอร์ด สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อ online ตลอดปี 2556 โดยเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ต่อเนื่องของความทันสมัย และใกล้ชิดลูกค้ามากยิ่งขึ้นภายใต้สโลแกน ”เพื่อนสนิททางการลงทุน” หรือ” Your Investment Partner” นอกจากนี้ บริษัทมีแผนงานการปรับปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานง่าย สะดวก และเข้ากับเครื่องมือสื่อสารใหม่ๆ เช่น iPAD และ Smart Phone รุ่นต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งมีการเพิ่มการติดต่อสื่อสารและให้ข้อมูลความรู้กับลูกค้าผ่านทาง social media เช่น Facebook และ Twitter มากยิ่งขึ้น นางสาวประภา กล่าวว่า บริษัทมีแผนงานในการออกกองทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม นอกเหนือจากกองทุน Flagship ต่างๆ ที่มีการลงทุนครบทุกประเภทอยู่แล้ว โดยแผนการออกกองทุนใหม่ในปีนี้ มีจำนวน 28 กองทุน ดังนี้ กองทุนตราสารหนี้ 12 กองทุน กองทุน Target Fund 13 กองทุน และ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 3 กองทุน ส่วนกองทุน Private Equity มีแผนจะจัดตั้งจำนวน 2 กองทุน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มอีก 1 กองทุน และกองทุนส่วนบุคคลจำนวน 17 กองทุน โดยคาดว่าจะระดมเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 40,400 ล้านบาท นางสาวประภา กล่าวเสริมว่า นอกจากเรื่องผลตอบแทนที่ดีแล้ว บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี เช่น กิจกรรม MFC Fund Family ซึ่งเป็นกิจกรรมไลฟสไตล์ที่ให้ความรู้และการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การบรรยายความรู้ด้านภาษี กิจกรรมเพื่อสุขภาพและสันทนาการ การท่องเที่ยว การชมภาพยนตร์ ฯลฯ รวมทั้ง บริษัทยังคงมีการจัดสัมมนา MFC Finance Forum ซึ่งจัดต่อเนื่องมากว่า 5 ปี เพื่อให้ความรู้ด้านการลงทุนที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและการลงทุน เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ