สรุปราคาซื้อขายทองคำและGold Futuresภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 29, 2013 13:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,479 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,477 เหรียญ/ออนซ์(22.30 น.) ค่าเงินบาทปิด 29.23 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 20,450 บาท กับ 20,550บาท และกลับมาปิดที่ 20,300 บาท กับ 20,400 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 3,051 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 13,166 คู่สัญญา Silver Futures อยู่ที่ 113 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 10.8% แบบ 10 บาท ลดลง 1.8% GFJ13ปิด 20,550 บาท และ GFM13ปิด 20,620 บาท GF10J13ปิดที่ 20,550บาท GF10M13ปิดที่ 20,630 บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 8.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,453.6 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญา Silver ลดลง 38.2 เซนต์ ปิดที่ 23.75 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,083.05 ตัน (ขายออก 7.22 ตัน ) น้ำมัน NYMEX ลดลง 64 เซ็นต์ ปิดที่ 93 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 11.75 จุด ปิดที่ 14,712.55จุด ข่าวที่สำคัญ - สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น $58 หรือประมาณ 4.2% จากแรงเข้าช้อนซื้อทาง Physical อย่างแข็งแกร่ง รวมไปถึงปัจจัยทางเทคนิคที่สนับสนุนการขึ้นของทองคำเช่นกัน - จะเห็นได้ว่าสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นเวลา 7 วันใน 9 วันทำการ หลังจากทีเกิดแรงเทขายอย่างหนักมากกว่า $200 - ผลสำรวจของ Kitco News Gold Survey สำรวจนักวิเคราะห์ 24 คนพบว่า 14 คนมองว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ 8 คนมองลง และ 2 คนมอง Sideways สอดคล้องกับผลสำรวจ Bloomberg ที่มี 15 รายมองขึ้น 11 มองลง และ 3 มอง Sideways - แม้ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นจากแรงเข้าซื้อ physical ทั่วโลก แต่กองทุน SPDR ก็ยังคงทำการขายออกมาติดต่อกันเป็นวันที่ 14 เมื่อวันศุกร์อีก 7.22 ตัน คงเหลือการถือครองทองคำที่ระดับ 1,083.05 ตัน โดยตลอดเดือนเมษายนขายออกมาทั้งสิ้น 134 ตัน - ปริมาณทองคำใน Gold ETP ลดลง 13% สู่ระดับ 2,283.57 ตัน ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2011 - ข้อมูลจาก CFTC ระบุว่า ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 เมษายน กลุ่มเฮดจ์ฟันด์และนักเก็งกำไรมีการถือ Short อยู่ที่ 69,726 คู่สัญญา ปริมาณการถือ Long ลดลง 25% - ค่าพรีเมี่ยมของอินเดียเพิ่มขึ้น 5 เท่าในเวลา 10 วัน - HSBC กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลงแต่ยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ โดยการที่ราคาเริ่มทรงตัวได้มาจากการซื้อเหรียญทองและทองรูปพรรณเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ HSBC ได้ลดการคาดการณ์ราคาทองคำในปีนี้ลง 10% คาดค่าเฉลี่ยราคาทองคำในปีนี้อยู่ที่ $1,542 - HSBC มองว่า ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนราคาทองคำคือ การลงทุน ผู้ซื้อรายย่อย และปริมาณความต้องการของธนาคารกลาง โดยคาดว่า ธนาคารกลางต่างๆ จะมีการเข้าซื้อทองคำ 450 ตันในปีนี้ ในขณะที่ World Gold Council มองว่า กลุ่มธนาคารกลางจะเข้าซื้อ 550 ตันในปีนี้ (ปีที่แล้ว 534.6 ตัน มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1964) - สภาทองคำโลก (World Gold Council) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ราคาทองคำขณะนี้เป็นสินทรัพย์แบบ Under-Owned Asset คือราคาทองคำถูก แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ซื้อเข้าพอร์ท - โกลด์แมน แซคส์ สิ้นสุดการแนะนำให้ทำ Short ในทองคำ - ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจะจับตาการประชุมเฟดในวันอังคารและวันพุธ รวมไปถึงการประชุมอีซีบีในวันพฤหัสบดีว่าจะมีการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ - มีกระแสการคาดการณ์เข้ามามากว่า อีซีบีอาจลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ - ในวันศุกร์ที่จะมีการประกาศตัวเลข Non-farm payrolls ของสหรัฐก็จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนจับตามองเสมอ เพื่อดูว่าสภาพเศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวมากน้อยเพียงใด - ตลาดคาดการณ์ว่า Non-farm payrolls ที่จะประกาศในวันศุกร์จะปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 155,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากเดิม 67,000 ตำแหน่ง ในขณะที่อัตราการว่างงานยังคาดว่าจะเท่าเดิมที่ 7.6% - วันนี้ ธนาคารญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันโชวะ และธนาคารจีนจะปิดทำการ 3 วัน (จ.-พ.) เนื่องในวันแรงงาน อาจทำให้มีปริมาณแรงซื้อลดน้อยลง - ในช่วงเย็นวันนี้จะมีการประมูลพันธบัตรอิตาลีอายุ 10 ปี - คืนนี้จะมีตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐ ที่คาดว่าจะลดลง (เดิม 0.7% คาด 0.2%) ในขณะที่ Core PCE Price Index คาดว่าจะทรงตัวเท่าเดิม (0.1%) และ Pending Home Sales คาดว่าจะเพิ่มขึ้น (เดิม -0.4% คาด 1.1%) ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Advance GDP q/q ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.4% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 2.5% - Advance GDP Price Index q/q ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 1% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 1.2% - Revised UoM Consumer Sentimentตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 72.3 ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 76.4 ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม - Core PCE Price Index m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.1% - Personal Spending m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.7% ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.2% - Pending Home Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.4% ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 1.1% วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคา ทองคำในสัปดาห์ที่แล้วมีการดีดตัวขึ้น และหยุดเบรก Circuit Breaking ในช่วงคืนวันศุกร์ อย่างไรก็ดี SPDR ยังคงมีการขายต่อเนื่องโดยตลอดในช่วงเดือนเมษายนจนถึงปัจจับน โดยวันศุกร์ขายอีก 7.22 ตัน ลดการถือครองเหลือที่ระดับ 1,083.05 ตัน โดยที่การขึ้นของราคาทองคำมาจากแรงซื้อสนับสนุนทางด้าน Physical Demand ทำให้ราคาค่าพรีเมี่ยมในตลาดทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก คงต้องดูต่อไปว่าในสัปดาห์นี้แรงซื้อ Physical ยังคงอยู่หรือไม่ ถ้าแรงซื้อตกราคาอาจจะหลุดลงมาบริเวณแนวรับ โดยที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาผสมทั้งดีและไม่ดี อย่างไรก็ตาม GDP ในช่วงไตรมาสที่ 1 ออกมาดีขึ้นจากเดิม 0.4% เพิ่มขึ้นมาที่ 2.5% ซึ่งบ่งบอกว่าสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้น ค่าเงินบาทในวันนี้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากวันศุกร์ประมาณ 10 สตางค์ โดยปิดตลาดในวันศุกร์ประมาณ 29.36 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 29.18 บาท/ดอลลาร์ คือแข็งค่าขึ้นประมาณ 20 สตางค์ วิเคราะห์ ทางเทคนิค — จะเห็นได้ว่า ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นมา และเริ่มมาทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,485 เหรียญ ยังคาดว่าราคาอาจจะปรับขึ้นมาทดสอบแนวต้านด้านบนอีกครั้งหนึ่ง แต่คิดว่าไม่น่าจะผ่านไปได้ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ คาดว่าราคาจะเคลื่อนตัวในกรอบ Sideways โดยปรับตัวสูงขึ้นสั้นๆ ในวันนี้ อาจทดสอบบริเวณ 1,480 เหรียญ แนะนำให้เปิดทำการขายทำ Short Position บริเวณ 1,480 เหรียญ โดยที่แนวรับในระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1,450 เหรียญ และ 1,430 เหรียญตามลำดับ สรุป แนะนำให้เปิด Short Position เมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ Gold Futures J13 จะหมดอายุในเย็นวันนี้เวลา 16.30 น. แนะนักลงทุนพิจารณาและถือครองในซีรี่ย์ถัดไป - นักลงทุนถือ Long Position แนะนำให้ขายทำกำไร Profit Taking ออกไป ทำสถานะให้ใกล้เคียง 0 หรือเริ่มปิดสถานะเมื่อมีกำไร - นักลงทุนที่ถือ Short Position ยังคงแนะนำให้คงสถานะ Short Position และเพิ่มการ Short บริวเวณเหนือระดับ 1,480 เหรียญขึ้นไป Portfolio อยู่ที่ประมาณ 70 % แต่อย่าซื้อจนเต็มพอร์ท Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,400 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,600 บาท Gold Futures M13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,470 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,660 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ