THAITRADE.COM ผนึกกำลัง ALIBABA และ TRADEINDIA ขยายตลาดสินค้าไทยสู่ตลาดจีนและอินเดีย

ข่าวทั่วไป Wednesday May 22, 2013 17:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--พีอาร์พีเดีย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เสริมความแข็งแกร่ง Thaitrade.com หลังประกาศจับมือสองเว็บ B2B ยักษ์ใหญ่ Alibaba.com และ Tradeindia.com ขยายโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทยในสองตลาดใหญ่ของโลก จีนและอินเดีย โดยบรรลุข้อตกลงจะร่วมกันประชาสัมพันธ์ทำการตลาดผ่านทางช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือมีขึ้นระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับ Alibaba Group และ Infocom Network ในวันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 ภายในงานแสดงสินค้าอาหาร 2556 (THAIFEX — World of Food Asia 2013) ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยโดยเฉพาะ SMEs ได้รับสิทธิประโยชน์ สามารถค้าขายกับผู้ประกอบการจีนและอินเดียได้มากขึ้น ทั้งยังเป็นการขยายช่องทางกระจายสินค้าไทยสู่ตลาดโลก ผ่านช่องทางพาณิชย์ดิจิตอล E-marketing และ Supply Chain/Sourcing Solution Online ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนการทำการค้า นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการลงนามครั้งนี้ว่า “ในบันทึกความร่วมมือ ทั้งสามเว็บไซต์ Thaitrade.com, Alibaba.com และ Tradeindia.com จะร่วมกันส่งเสริมประชาสัมพันธ์ ทำให้ Thaitrade.com เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นในหมู่นักธุรกิจจีนและอินเดีย ที่ต้องการแหล่งสินค้าที่ดีมีคุณภาพและน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันนักธุรกิจไทยก็สามารถเสาะหาคู่ค้าจีนและอินเดียที่สามารถป้อนวัตถุดิบและปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี ทั้งสามเว็บยังจะสามารถแลกเปลี่ยนลิงค์บนหน้าเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อให้ผู้เข้าเยี่ยมชมของแต่ละเว็บไซต์สามารถเข้าถึงข้อมูลสมาชิกของพันธมิตรทั้งหมดได้ นอกจากนี้ ยังจะร่วมกันจัดกิจกรรม Business Matching ทั้ง online และ offline ทั้งที่เป็นสินค้าทั่วไป และเฉพาะกลุ่มสินค้าด้วย” Alibaba.com เว็บไซต์ขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมมากว่า 40 อุตสาหกรรม ประกอบด้วยกลุ่มสินค้ามากกว่า 5,900 ประเภท และมีผู้ลงทะเบียนใช้บริการพาณิชย์ดิจิตอลมากกว่า 79.7 ล้านราย เพื่อติดต่อกับคู่ค้าในมากกว่า 240 ประเทศทั่วโลก Tradeindia.com มีผู้ประกอบการลงทะเบียนแล้วกว่า 2.5 ล้านราย และมีผู้เข้าชมราว 20.5 ล้านฮิต และมี 30 ล้านเพจวิวต่อเดือน จาก 200 ประเทศทั่วโลก เว็บไซต์มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงนิว เดลฮี และมีสาขากระจายอยู่ทั่วศูนย์กลางธุรกิจของประเทศอินเดียรวม 35 สาขา ด้วยทีมงานมืออาชีพมากกว่า 1,200 คน “เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปริมาณการส่งออกและนำเข้าสินค้าและบริการก็เริ่มฟื้นตัว ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจ โดยใช้การพาณิชย์ดิจิตอล ซึ่งช่วยให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ทันสมัยได้อย่างรวดเร็วและตลอดเวลา ที่สำคัญ ยังช่วยสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่ช่วยสนับสนุนการทำงาน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจึงมุ่งเพิ่มช่องทางการค้าระหว่างประเทศให้กับผู้ประกอบการ อย่างเช่น Alibaba.com และ Tradeindia.com สองเว็บไซต์ตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2B ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการมหาศาลจากทั่วโลก ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมการค้าแล้ว ยังเป็นเครื่องมือเสาะหาแหล่งวัตถุดิบและปัจจัยการผลิต ตลอดจนนวัตกรรมได้อีกด้วย” “กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับ Thaitrade.com ให้เป็นตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อันดับ 1 ของประเทศไทยมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบัน Thaitrade.com ได้รับการตอบรับอย่างมากจากผู้ประกอบการไทย และผู้ซื้อในต่างประเทศ มีจำนวนร้านค้าออนไลน์ที่ได้รับการคัดสรรแล้วว่ามีคุณภาพมาตรฐานการส่งออกจำนวน 7,451 ร้านค้า มีสินค้ากว่า 150,000 รายการ และมีผู้ซื้อเข้ามาชมสินค้าแล้วกว่า 1,055,000 ราย จากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุด ได้แก่ จีน, อินเดีย, สหรัฐอเมริกา, เกาหลี, ไต้หวัน, มาเลเซีย, ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ในปี 2556 นี้ ทางกรมฯ ตั้งเป้าว่า Thaitrade.com จะมีจำนวนสมาชิกผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 10,000 ราย และมีผู้ซื้อมาลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 35,000 ราย พร้อมทั้งจะรุกสู่ตลาดอาเซียน เพื่อรองรับ AEC ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 นี้” นางศรีรัตน์ กล่าวสรุป สำหรับผู้ส่งออกไทย ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ สามารถสมัครได้หลายช่องทาง อาทิ การสมัครผ่านทางเว็บไซต์ www.thaitrade.com, e-mail: register@thaitrade.com และwww.facebook.com/ThaitradeDotCom หรือ สมัครด้วยตนเองที่บูธThaitrade.com ภายในงานแสดงสินค้าต่างๆ ที่กรมฯ จัดขึ้น ทั้งนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ใดๆ ทั้งสิ้น หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ DITP Call Center 1169 โทรสาร 02 547 5683-4

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ