ยูบีเอ็ม ผนึกกำลัง ภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการ จัดงานระดับนานาชาติ Renewable Energy Asia 2013

ข่าวทั่วไป Thursday May 30, 2013 17:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--Play Communication Consulting ยูบีเอ็ม ผนึกกำลัง ภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการ จัดงานระดับนานาชาติ Renewable Energy Asia 2013 หวังทำเป้าใช้พลังงานชีวภาพถึง 40 ล้านลิตร/วันในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องด้วยรัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายด้านพลังงานออกมาในรูปของ “แผนพัฒนาพลังงานทดแทน” (AEDP : Alternative Energy Development Plan) ในปี 2565 นี้ว่า ไทยเราจะหันไปใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ (เอทานอล และไบโอดีเซล)ให้มากถึง 40 ล้านลิตร/วัน ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์เพิ่มการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในรถยนต์โดยสารขนาดใหญ่ (รถเมล์) ให้ได้มากกว่าเดิม หนำซ้ำยังช่วยลดมลพิษในอากาศให้กับกรุงเทพมหานครลงถึงร้อยละ 30 และยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตกร เช่นกลุ่มผู้ปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง และน้ำมันปาล์ม เพื่อนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นเอทานอล และน้ำมันไบโอดีเซลตามลำดับ ในส่วนนี้ท่านรองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ดร.ทวารัฐ สูตะบุตรกล่าวย้ำว่า ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในบ้านเราถือว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยดูได้จากสองปีที่ผ่านมา ปริมาณการใช้พลังงานทดแทนมีมากถึง 17.9% ซึ่งผู้บริโภคมีการใช้เอทานอลมากถึง 2.1-2.2 ล้านลิตร และในปี 2556 นี้ คาดว่าจะเป็นปีของการใช้ไบโอดีเซลอย่างเต็มตัว เพราะไทยเรามีความพร้อมมากที่จะเข้าสู่สังคมแห่งการใช้ไบโอดีเซลอย่างเต็มรูปแบบ “ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนที่เราจะหันไปใช้พลังงานชีวภาพให้ได้มากถึง 40 ล้านลิตร/วันนั้น ทางรัฐตั้งเป้าไว้ว่า 9 ล้านลิตรจะมาจากการผลิตเอทานอล และอีก 6 ล้านลิตรจะมาจากการผลิตไบโอดีเซล ส่วนที่เหลือ 25% จะนำมาจากพลังงานเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ซึ่งในส่วน 25% นี่แหละที่ทางกระทรวงให้ความสำคัญกับพืชประเภทที่สอง จำพวกสาหร่าย สบู่ดำ กระเจี๊ยบแดง ฯลฯ ซึ่งตอนนี้บางมหาวิทยาลัยก็มีการทำวิจัยเรื่องเหล่านี้อยู่” ในมุมมองของฝ่ายนักวิชาการ เช่นรศ.ดร.สิรินทรเทพ เต้าประยูร ผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี เห็นด้วยว่า ต่อไปพลังงานชีวมวล (Bio Mass) ซึ่งทำมาจากอ้อย ยางพารา น้ำมันปาล์ม เศษวัสดุเหลือทิ้ง รวมทั้งขยะ และพืชโตเร็วต่างๆนั้น จะเป็นพลังงานทางเลือกหลักๆให้กับประเทศได้ ทั้งนี้ทาง JGSEE ถือเป็นผู้นำในการผลิตบุคลากรด้านพลังงาน และทำผลงานวิจัยออกมา เพื่อเอื้อประโยชน์กับชุมชน และผู้ประกอบการทางธุรกิจที่ต้องการหันมาใช้พลังงานชีวภาพมากขึ้น เช่น ทาง JGSEE ได้เข้าไปให้ความรู้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับเรื่องการลดปัญหามลพิษทางอากาศให้กับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ หรือการนำผลงานวิจัยที่ได้ ลงไปปรับใช้กับโรงงานของผู้ประกอบการเอกชนโดยตรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้พลังงานชีวภาพจะมีข้อเด่นมากมาย อาทิ การช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ แต่ข้อด้อยเรื่องของฝุ่นควันก็ต้องคำนึงถึงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี ผู้อำนวยการ JGSEE มองว่าปัญหาเรื่องนี้จะหมดไป ขอเพียงแต่โรงงานที่ผลิตพลังงานชีวมวลนั้นๆจะติดตั้งเทคโนโลยีชั้นดีเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว อนึ่ง ผู้ประกอบการที่สามารถนำเทคโนโลยีชั้นสูงมาปรับใช้กับโรงงาน จนสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานลงไปถึง 10 % อย่างคุณสนั่น อังอุบลกุล ซีอีโอบริษัทศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) มองว่า เรื่องนโยบายการกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมหันไปใช้พลังงานทดแทนเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่เรื่องของการลงสู่ภาคปฏิบัติก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งนี้ตนมองว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ มักตื่นตัวกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่สำหรับเหล่าผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs ยังคงละเลยเรื่องดังกล่าวอยู่มาก เหตุนี้ซีอีโอผู้นี้ จึงจัดตั้ง “โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน” โดยตัวเองได้ส่งพนักงานจากบริษัทตนไปแนะนำความรู้ด้านประหยัดพลังงานให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน “ผมมองว่าการทำงานต้องมีส่วนรวม ตลอดมาบริษัทของผมได้รับรางวัลด้านประหยัดพลังงานมามากมายจากภาครัฐ ดังนั้นผมจึงมองว่าเราน่าจะช่วยเหลือเพื่อนๆในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่นโรงงานพลาสติค เราก็เข้าไปแชร์ข้อมูล และสอนหลักคิดด้านประหยัดพลังงานให้กับเขา ส่วนตัวโรงงานของผมเอง ได้มีการเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีสีเขียวมากขึ้น ทำให้ผมสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานลงไปได้ถึง 10% แล้วผลผลิตก็เพิ่มมากขึ้นถึง 30% ด้วยกัน“ ทั้งนี้ คุณสนั่นยังให้ข้อคิดเห็นตบท้ายด้วยว่า อยากให้รัฐบาลสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งหน่วยงานรัฐทุกแห่งหันมาใช้เทคโนโลยีสีเขียวมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศ และช่วยประหยัดพลังงานให้ชาติมากกว่าที่เป็นอยู่ สำหรับตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรม อย่างคุณพิชัย ถิ่นสันติสุข ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแล้วเห็นด้วยว่า รัฐบาลควรมีการสนับสนุนให้ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนหันมาใช้พลังงานชีวภาพมากขึ้น “ก่อนอื่นผมอยากให้รัฐบาลรณรงค์เรื่องประหยัดพลังงานให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ต่อจากนั้นอยากให้หันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ตรงนี้ผมมองว่ารัฐน่าจะมีการเก็บข้อมูลเป็นตัวเลขว่าโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆใช้พลังงานกันคนละเท่าไหร่ ผมมองว่าข้อมูลตรงนี้จะนำมาเป็นแผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานให้กับประเทศไทยได้ นอกจากนี้ ผมยังอยากให้รัฐบาลตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือปตท. แต่ทำงานเป็นอิสระ รัฐบาลไม่สามารถเปลี่ยนบอร์ดได้ ทั้งนี้เมื่อมีองค์กรอิสระขึ้นมา ก็สามารถดูแลเรื่องพลังงานได้ครอบคลุมมากขึ้น” อนึ่ง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมฯทิ้งท้ายไว้ว่า อยากให้รัฐบาลชัดเจนในเรื่องของการรณรงค์ให้ใช้ ED 95 แทนดีเซลภายในระยะเวลา 3 ปี และกระตุ้นการใช้เอทอนอล E85 ให้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มการผลิตไบโอดีเซล โดยเฉพาะ B100 เพื่อสู่เป้าหมายการใช้พลังงานชีวภาพให้ได้ 40 ล้านลิตร/วันภายในปี 2565 ข้างหน้านี้ สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมประชุมนานาชาติ Renewable Energy Asia ปี 2013 นี้ สามารถเข้าร่วมได้ในวันที่ 5-8 มิถุนายน 2556 ณ ไบเทค บางนา โดยบริษัทยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) ได้เชิญเหล่านักธุรกิจ นักลงทุนและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในในธุรกิจพลังงานมาจากทั่วโลกกว่า 300 บริษัท จาก 30 ประเทศด้วยกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ