ยูนิลีเวอร์ พร้อมผลักดันธุรกิจเครือข่าย ก้าวสู่เวทีระดับโลก ภายใต้ชื่อ “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ธุรกิจเครือข่ายที่มีศักยภาพเติบโตสูงสุด

ข่าวทั่วไป Thursday September 19, 2013 14:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ ยูนิลีเวอร์ พร้อมผงาดก้าวสู่การเป็นเจ้าแห่งธุรกิจเครือข่ายระดับโลก ภายใต้ชื่อใหม่ “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” เพื่อเป็นการขยายตลาดสู่ต่างประเทศได้ง่าย และเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากเปิดฉากสร้างความแข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับกว่า 10 ปี ภายใต้ชื่อธุรกิจเครือข่าย อาวียองซ์ ในประเทศไทย มาเลเซีย และกัมพูชา โดยชื่อใหม่นี้ ได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2556 โดยเริ่มต้นที่ประเทศไทย และในเดือนตุลาคมนี้ ที่ประเทศมาเลเซีย กัมพูชา และทยอยใช้ในประเทศต่าง ๆ ต่อไป โดยตั้งเป้าการเติบโตเพิ่มเป็น 2 เท่าตัว เพื่อสอดคล้อง กับนโยบาย ยูนิลีเวอร์ ที่ได้ตั้งเป้าเพิ่มขนาดธุรกิจสองเท่าจากรายได้ทั่วโลก ก่อนปี 2020 พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมครึ่งหนึ่ง และสร้างผลเชิงบวกต่อสังคม ในการยกระดับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีและยั่งยืนแก่ประชากรโลก มร.บาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทยและอินโดจีน เผยว่า “ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา อาวียองซ์ นับเป็นธุรกิจเครือข่ายที่มียอดการเติบโตสูง จำนวนของสมาชิก ผู้ร่วมธุรกิจ และรูปแบบการทำธุรกิจเครือข่ายที่มีเอกลักษณ์หลากหลายช่องทาง ทำให้สามารถขยายธุรกิจและมียอดขายเติบโตในตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการปลดล็อคสู่การเป็นธุรกิจเครือข่ายที่มีศักยภาพการเติบโตสูงสุด จึงได้เปลี่ยนชื่อธุรกิจเครือข่ายเป็น “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค“ โดยมีเหตุผล 3 ประการ คือ ชื่อเสียงของยูนิลีเวอร์ที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 100 ปี เป็นที่ยอมรับในเรื่องของคุณภาพ ความมั่นคง ประการที่ 2 ด้วยชื่อเสียงของยูนิลีเวอร์ จะสามารถขยายตลาดไปต่างประเทศได้เติบโตและรวดเร็วยิ่งขึ้น และสุดท้าย การขยายไลน์สินค้าที่มากขึ้น ทำให้ชื่อของ อาวียองซ์ไม่สามารถรองรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ครบทุกกลุ่ม จึงจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชื่อธุรกิจเครือข่ายเป็น ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” ด้าน สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เผยว่า “เพื่อให้ “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” สามารถเติบโตขึ้นเป็น 2 เท่า สอดคล้องกับพันธกิจที่ยูนิลีเวอร์ได้วางไว้ “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” ต้องขยายธุรกิจไปต่างประเทศเพื่อเพิ่มสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจ และกลุ่มลูกค้า โดยอาศัยชื่อเสียง และความมั่นคงของยูนิลีเวอร์ ที่ปัจจุบันมีผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายแล้วถึง 520,000 รหัส รวม 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และกัมพูชา โดยมีแผนจะเปิดตลาดให้ครอบคลุมในแถบอาเซียน โดยจะคำนึงถึงจำนวนประชากร ขนาดของตลาด สถานการณ์ของคู่แข่ง ความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ กฎระเบียบของแต่ละประเทศ และความต้องการของผู้บริโภคประเทศนั้นๆ อีกหนึ่งปัจจัยคือ การขยายไลน์สินค้า จะมีความหลากหลายเพื่อตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของสมาชิก และผู้บริโภค พร้อมทั้งยังได้มีการแบ่งประเภทกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อต่างๆ เพื่อความชัดเจนถึง 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเพอร์ซันนอลแคร์ โดยจะเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม ภายใต้ชื่อ “อาวียองซ์” (aviance) โดยมีสัดส่วน 70%, กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้ชื่อ “ไวทัลลิตี้” (Vitality) โดยมีสัดส่วน 20% โดยสัดส่วนที่เหลือ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพช่องปาก ภายใต้ชื่อ “ไอ-เฟรช” (i-fresh) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ภายใต้ชื่อ “ลีเวอร์ โฮม” (Lever Home) ซึ่งปีนี้มียอดการเติบโตเกินเป้าที่วางไว้ อีกทั้ง “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” มีความพร้อมใน 5 ศักยภาพเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน สู่ความสำเร็จทุกมิติ และพร้อมยืนอยู่ในระดับแถวหน้าของธุรกิจเครือข่าย ประกอบด้วย ศักยภาพการเติบโตในประเทศ (Local Growth) ด้วยความเชี่ยวชาญ และนวัตกรรมระดับสากลของยูนิลีเวอร์ ทำให้สามารถขยายฐานผู้บริโภค และสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจเครือข่าย “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” ครอบคลุมทั่วประเทศ เห็นได้ที่ปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 รหัส ซึ่งนับเป็นปีที่สามารถสร้างการเติบโตที่ดีทั้งในแง่สมาชิกผู้ร่วมธุรกิจ และรายได้ที่เพิ่มขึ้น ศักยภาพการเติบโตระดับโลก (Global Growth) ความได้เปรียบที่ยูนิลีเวอร์มีฐานการตลาดอยู่ทั่วโลก จึงเป็นบทบาทสำคัญที่จะส่งเสริมให้ “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” ในการขยายตลาดต่างประเทศ จึงนับเป็นธุรกิจเครือข่ายที่มีศักยภาพเติบโตสูงสุด รวมถึงการสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนอย่างไร้พรมแดนให้กับผู้ร่วมธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ในปี 2020 ที่มีเป้าหมายให้ ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค มอบโอกาสเติมเต็มชีวิตในทุกด้านให้เกือบ 3,000 ล้านคนทั่วโลก ศักยภาพการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม (Product Excellence) ด้วยทุนวิจัยสูงถึง 1,000 ล้านยูโรต่อปี กับศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มาตรฐานระดับโลก 129 แห่ง ผนวกกับความรู้ของผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์กว่า 6,000 คน ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ในความเป็นเลิศทางนวัตกรรมคุณภาพระดับสากล และผลลัพธ์การใช้ที่แตกต่าง ศักยภาพผลตอบแทนที่คุ้มค่า (Income Growth) ผู้ร่วมธุรกิจเครือข่าย “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” จะได้รับผลตอบแทน i12 สุดยอดแผนที่เป็นธรรมชาติ ยั่งยืน ที่มอบรายได้คุ้มค่า จากผลงานทางธุรกิจ โดยได้ปรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก 4-5% เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา และโอกาสในการรับผลตอบแทนจากเครือข่ายทีมงานทั่วโลก โดยผู้ร่วมธุรกิจ 1 รหัส สามารถทำธุรกิจไปได้ทั่วโลก ศักยภาพในการพัฒนาตนเองแบบรอบด้าน (Personal Development) จากปรัชญาแนวคิดของยูนิลีเวอร์ ที่หากต้องการให้คนใส่ใจในธุรกิจ เราต้องใส่ใจในคนก่อนนั้น ทำให้ทุกระดับตั้งแต่พนักงาน ผู้บริหาร เหล่าสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจเครือข่าย “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” จะต้องมีการเรียนรู้ เพื่อสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ จึงมี “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค อะคาเดมี” เพื่อพัฒนาทักษะ พัฒนาความเป็นผู้นำ และคุณลักษณะ โดยมีระบบโคชชิ่งจากอัพไลน์ เพื่อให้ผู้ร่วมธุรกิจเครือข่าย “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” เติบโตทั้งในด้านธุรกิจ และเติบโตศักยภาพของตนเองแบบรอบด้านไปพร้อมๆ กัน” อนึ่ง ธุรกิจเครือข่าย “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” ประกาศใช้ชื่อใหม่อย่างเป็นทางการตั้งแต่บัดนี้ โดยยังคงมีประเทศไทยเป็นสำนักงานใหญ่ และเป็นศูนย์กลางในการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ แม้จะเปลี่ยนเป็นชื่อใหม่ แต่ไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารภายในแต่อย่างใด เนื่องจากระบบการบริหารงานด้านต่างๆ มีศักยภาพทีดีอยู่แล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ