ตามติดลูกเสือไทยเปิดบ้านต้อนรับลูกเสืออาเซียน ในงานชุมนุมลูกเสืออาเซียน ครั้งที่ 4 (4th ASEAN Scout Jamboree)

ข่าวทั่วไป Wednesday December 25, 2013 17:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--เอ็ดดูเทนเม้นท์ แอคเซล เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับงาน ชุมนุมลูกเสืออาเซียน ครั้งที่ 4 (4th ASEAN Scout Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย กับการเป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมลูกเสืออาเซียน โดยมีเหล่าลูกเสือจากประเทศต่างๆ กว่า 17 ชาติ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา อินเดีย มัลดีฟ ฯ และผู้เกี่ยวข้องกว่า 7,000 คน ร่วมชุมนุมและร่วมกิจกรรมเรียนรู้ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และเข้าใจความแตกต่าง ในแนวคิด “ร่วมกันสานฝันสู่สันติภาพ” หรือ “Gathering for Peace” งานชุมนุมลูกเสืออาเซียน ครั้งที่ 4 (4th ASEAN Scout Jamboree) จัดโดย สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับสมาคมลูกเสืออาเซียนเพื่อความร่วมมือในภาคพื้น (ASARC : ASEAN Scout Association for Regional Cooperation) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ ทรงเจริญพระชนมายุ 86 พรรษา ทั้งเป็นโอกาสสำคัญของลูกเสือไทย ในการเสริมสร้างประสบการณ์ การเรียนรู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกเสือนานาชาติ เป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาคพื้นเอเชีย - แปซิฟิก และภูมิภาคอาเซียน และเป็นการเตรียมความพร้อมเยาวชนลูกเสือเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 โดยกิจกรรมในงานชุมนุมมีหลากหลายทั้ง กิจกรรมหลัก ได้แก่ ทูตแห่งสันติภาพ พัฒนาชุมชน หมู่บ้านอาเซียนอภิวัฒน์ วงเวียนแห่งสันติภาพอาเซียน ผจญภัยและบุกเบิก เดินทางไกล กิจกรรมพิเศษ ได้แก่ เทศกาลอาเซียน กิลเวลล์รียูเนี่ยน ชุมนุมรอบกองไฟ กิจกรรมยามว่าง ได้แก่ นิทรรศการ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีย้อนยุค การแสดงพิเศษ เพื่อหล่อหลอมให้เยาวชนลูกเสือมีทักษะชีวิต สามารถนำไปพัฒนาตนและกิจการลูกเสือในอนาคต กับทั้งให้ลูกเสือนานาประเทศได้เรียนรู้วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์และมีความประทับใจในการเข้าร่วมกิจกรรม นายประพัฒน์พงศ์ เสนาฤทธิ์ ผู้บังคับการค่ายชุมนุม กล่าวว่า ภาพรวมของการจัดงานในฐานะเจ้าภาพเป็นไปได้ด้วยดี โดยอาจจะมีอุปสรรคบ้างเล็กน้อยแต่ทุกฝ่ายก็สามารถแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี ทั้งนี้ ความคิดเห็นที่มีต่อการจัดงานจากทั้งผู้เกี่ยวข้องและลูกเสือจากนานาประเทศ ก็ค่อนข้างดีเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีร่วมกันกระหว่างประเทศต่างๆ และลูกเสือไทย เพื่อเป็นรากฐานที่ดีในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอนาคต “ได้มีโอกาสสอบถามผลตอบรับจากทั้งผู้บังคับบัญชา และลูกเสือจากประเทศต่างๆ ก็ได้ผลตอบรับที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เขาประทับใจที่สุดคือการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทย ลูกเสือไทย รวมถึงบุคลากรในการจัดงานครั้งนี้ทุกฝ่าย ที่ให้การต้อนรับ และดูแลเป็นอย่างดี จนทำให้มองข้ามความลำบากจากการฝึก หรืออุปสรรคปัญหาจากการอยู่ร่วมกันกับต่างชาติต่างภาษา หลายๆ คนบอกตรงกันว่าจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีก ซึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้เขารู้จักและเข้าใจวัฒนธรรมของไทย นอกจากนี้ ประเทศเจ้าภาพในครั้งต่อๆ ไป อย่าง ฟิลิปปินส์ หรือมองโกเลีย ก็ได้แนวคิดจากการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อนำไปปรับใช้ในครั้งต่อไป” นายประพัฒน์พงศ์ กล่าว ตัวแทนลูกเสือไทยในฐานะเจ้าภาพ นายศุภวัชร ฉัตรสุวัฒน์ หรือน้องคิมมี่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 จากโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) กล่าวกับเราว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เข้าร่วมชุมนุมในฐานะเจ้าภาพ โดยตลอดระยะเวลาที่ทำกิจกรรมร่วมกับลูกเสือจากนานาชาติถือว่าได้ประสบการณ์ที่ดีมาก ในการถ่ายทอดวัฒนธรรมของไทยให้ต่างชาติเป็นที่รู้จัก ในขณะเดียวกันก็เรียนรู้วัฒนธรรมจากประเทศอื่นๆ อีกด้วย “การชุมนุมลูกเสืออาเซียนครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของผมซึ่งได้ประโยชน์มากๆ เลยครับ ทั้งเรื่องของการเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม และการใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มาจากประเทศที่แตกต่างกับเรา ซึ่งอาจจะมีปัญหาด้านการสื่อสารบ้าง แต่เราก็ช่วยกันแก้ปัญหาให้ผ่านไปด้วยดีได้ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ นอกเหนือจากเรื่องของระเบียบ วินัย การใช้ชีวิตในค่ายในฐานะลูกเสือ และที่สำคัญทำให้เราได้เพื่อน ทั้งคนไทย และต่างชาติอีกด้วยครับ” นายศุภวัชร กล่าว มาที่ตัวแทนลูกเสือจากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพการจัดงานชุมนุมลูกเสืออาเซียนครั้งต่อไป เจย์ ริเบน การ์เก็ตเต อายุ 16 ปี ซึ่งอยู่ในค่ายย่อยที่ 4 มาคีลิ่ง กล่าวว่า ชื่นชมในการจัดงานชุมนุมลูกเสืออาเซียนของไทยในครั้งนี้มาก ถือเป็นครั้งแรกในการเข้าร่วมชุมนุมลูกเสือในต่างประเทศ โดยในครั้งนี้ประทับใจที่สุดคือกิจกรรมที่หลากหลายพร้อมๆ กับกิจกรรมการเข้าค่ายชุมนุม ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรมครั้งนี้เป็นอย่างมาก “ในค่ายย่อยสิ่งที่เราได้เรียนรู้หลักๆ ก็คือการดำรงชีพ การทำอาหาร และการช่วยเหลือกันและกัน ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่เข้าใจภาษากันบ้าง แต่เราก็สามารถช่วยเหลือกันได้ เพราะเราเข้าใจจุดยืนในสิ่งเดียวกันนั่นคือมิตรภาพ นอกจากนี้ การที่มีกิจกรรมของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ ทำให้ลูกเสือต่างชาติได้ประสบการณ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ได้พบเห็นกับวัฒนธรรมที่แตกต่าง นอกจากนี้ ได้เข้าร่วมกิจกรรมการจุดเทียนชัยถวายพระพร แด่องค์ในหลวงของไทย ทำให้เข้าใจถึงความจงรักภัคดีของคนไทยที่มีต่อพระองค์ ซึ่งสร้างความประทับใจอย่างมาก” เจย์ ริเบน กล่าว ปิดท้ายที่ลูกเสือจากประเทศสิงคโปร์ เชอร์มีน ออง อายุ 14 ปี ซึ่งอยู่ในค่ายย่อยที่ 5 ซาลิมบุน ที่อาจจะแตกต่างจากเมืองไทยที่เป็นผู้หญิง กล่าวกับเราว่า การเรียนรู้ในความเป็นลูกเสือทำให้ผู้หญิงมีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยเฉพาะการมาร่วมกิจกรรมชุมนุมลูกเสืออาเซียนในครั้งนี้ เป็นการฝึกการดูแลตัวเองให้สามารถใช้ชีวิตในค่ายลูกเสือที่อาจไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวก และที่สำคัญคืออยู่กับเพื่อนๆ ต่างชาติ ต่างภาษา ซึ่งต้องใช้ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันมากยิ่งขึ้น “ฉันรู้สึกประทับใจในวัฒนธรรมประเพณีของไทยมาก เคยมาเที่ยวเมืองไทยครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ได้สัมผัสรูปแบบที่ไม่เคยได้เห็น อย่างกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมแบบไทยๆ ในหลายๆแบบ รู้สึกชื่นชอบมากๆ นอกจากนี้เพื่อนๆ ลูกเสือไทยก็ให้การต้อนรับ ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งประทับใจและตั้งใจว่าเราจะติดต่อกัน เป็นเพื่อนกันต่อไปถึงแม้กิจกรรมการชุมนุมจะสิ้นสุดแล้วก็ตาม” เชอร์มีน กล่าว ถือเป็นกิจกรรมระดับนานาชาติ ที่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกเสือจากหลากหลายประเพณีวัฒนธรรม ผ่านกิจกรรม ระเบียบวินัย และการอยู่ร่วมกันแม้ในระยะเวลาอันสั้น และที่สำคัญที่สุด คือการหล่อหลอมให้เขาเหล่านั้นเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง ซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการให้อภัย และก่อให้เกิดสันติภาพ ตามแนวคิด “ร่วมกันสานฝันสู่สันติภาพ” หรือ Gathering for Peace ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการจัดงานนั้นเอง โดยงานชุมนุมลูกเสืออาเซียน ครั้งต่อไป จะขึ้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี พ.ศ. 2559

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ