ฟรอสต์ฯ ชี้ คนไทยใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นช่องทางสื่อสารหลักระหว่างการประท้วง

ข่าวทั่วไป Tuesday January 14, 2014 11:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--ฟรอสต์ฯ ขณะที่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลโดยการกำหนดให้มีการปิดกรุงเทพฯหรือ Bangkok Shut Down ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคมนั้นยังคงเดินหน้าต่อไปนั้น ส่งผลให้แรงกดดดันที่มีต่อสื่อมวลชนก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์หลายสถานีและหนังสือพิมพ์หลายฉบับถูกกดดันจากทั้งฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลถึงเรื่องความเป็นกลางในการนำเสนอข้อมูล โดยได้มีการคาดการณ์จากหลายฝ่ายว่าสื่อต่างๆเหล่านี้จะตกเป็นเป้าหมายของการถูกควบคุมจากทั้งสองขึ้วอย่างที่เคยเป็นมา และอาจส่งผลให้ประชาชนขาดช่องทางในการเข้าถึงข่าวสารจากสื่อหลักและต้องหันไปพึ่งพาการรับข่าวสารจากสื่อสมัยใหม่เช่น อินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ นายธีระ กนกกาญจนรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก บริษัทฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิองค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก ได้ให้ความเห็นว่า “สิ่งที่เราได้เห็นในปีที่ผ่านมาคือ สื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊ค หรือไลน์ ที่ได้เติบโตและทวีความสำคัญในฐานะแพล็ตฟอร์มสำหรับการสื่อสารที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นบริการโทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ตและเพิ่มพื้นที่สำหรับแชร์ข้อมูลโพสต์ข้อความบน Timeline” “ในวันนี้จำนวนผู้ใช้เฟสบุ๊คในประเทศไทยนั้นมีอยู่ประมาณ 18.5 ล้านคน นับเป็นจำนวนที่สูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตในประเทศรวม 25 ล้านคน ขณะเดียวกันไลน์ซึ่งเป็นแอ็พพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็มียอดผู้ใช้ไล่ตามเฟสบุ๊คมาติดๆที่ 18 ล้านคน” “ขณะที่ประชาชนเริ่มมีความกังวลเรื่องการปิดกั้นและจำกัดสิทธิของสื่อระหว่างการประท้วงมากขึ้นนั้น จึงได้เริ่มหันมาพึ่งพาข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางหลักแทนสื่อโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์” นอกจากนี้ นายธีระ ยังได้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ในช่วงวันปีใหม่ข้อมูลจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแสดงให้เห็นถึงการใช้งานข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นสูงจากปกติถึง 300% โดยเฉพาะการส่งข้อความอวยพรผ่านแช็ทแอ็พพลิเคชั่น เช่น ไลน์ เป็นต้น จากผลการสำรวจพบว่าคนไทยใช้งานรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 15 เม็กกะไบต์ แต่เป็นที่คาดการณ์ได้ว่าตัวปริมาณการใช้งานจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่านั้นระหว่างการประท้วง เพราะคนจำนวนมากใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการเข้าถึงข่าวสาร โพสต์รูปภาพ ดูคลิปวีดีโอ รวมถึงใช้งานอินเตอร์เน็ตทีวีอย่างต่อเนื่อง การเตรียมระบบเครือข่ายและสารสนเทศที่มีอยู่ให้พร้อมเพื่อรองรับปริมาณการใช้งานที่สูงขึ้น จะเป็นความท้าทายที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญ ทั้งหน่วยงานในภาครัฐและผู้ให้บริการในภาคเอกชน” อย่างไรก็ตามแม้ว่าการสื่อสารผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์จะทำได้สะดวก แต่ผู้ใช้งานก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังใช้วิจารณญาณมากขึ้นในการวิเคราะห์ที่มาและความถูกต้องของข่าวสารที่ได้รับ “สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังและเข้าถึงได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งอันตรายถ้าหากถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งผู้ใช้งานมักเชื่อและให้ความสำคัญกับข้อมูลข่าวสารที่ถูกส่งต่อโดยเพื่อนหรือคนรู้จักบนอินเตอร์เน็ต ดังนั้นทุกคนควรใช้วิจารณญาณในการรับฟังและวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ ทั้งในส่วนของเนื้อหา ที่มา และผลกระทบในด้านต่างๆก่อนที่จะเชื่อหรือส่งต่อไปยังบุคคลอื่นบนสังคมออนไลน์” ธีระเสริม สำหรับผลกระทบในภาคธุรกิจ นาย อิง ล็อก โกะ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ได้ให้ความเห็นว่า “การประท้วงปิดกรุงเทพฯครั้งนี้จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระดับนานาชาติอย่างแน่นอน โดยกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวจะเสียโอกาสจากนักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเซีย เช่น สิงคโปร์ จีน เกาหลี ฮ่องกง ใต้หวัน ญี่ปุ่น ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาช่วงตรุษจีนและวันหยุดโกลเด้นวีคมาเที่ยวประเทศไทย ภาพลักษณ์ในทางลบที่เกิดจากการประท้วงจะส่งให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เปลี่ยนใจเลือกใช้วันหยุดในประเทศอื่น” “ถ้าหากวิกฤติการณ์ทางการเมืองนี้ดำเนินต่อไป จะเกิดผลกระทบเชิงลบต่อปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศ ในขณะนี้นักลงทุนจำนวนมากจากทั้งในและต่างประเทศเริ่มชะลอการลงทุนจนกว่าจะได้บทสรุปของการประท้วงในครั้งนี้ ซึ่งในช่วงต้นปีเป็นช่วงเวลาที่หน่วยงานจำนวนมากเริ่มกำหนดแผนธุรกิจของปีนั้นๆ สำหรับปีนี้ผู้ประกอบการมีความจำเป็นที่จะต้องคิดถึงแผนรองรับในกรณีที่สถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น” นายโกะ กล่าวทิ้งท้าย ข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อสัมภาษณ์ กรุณาติดต่อ ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ โทร. 02 637 7414 อีเมล์: sasikarn.watt@frost.com
แท็ก bangkok  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ