ปภ. รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง 15 จังหวัด 58 อำเภอ

ข่าวทั่วไป Friday February 28, 2014 15:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ปภ. ปภ. รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง 15 จังหวัด 58 อำเภอนายกฯ ห่วงใยสถานการณ์ภัยแล้ง สั่งทุกภาคส่วนบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 15 จังหวัด รวม 58 อำเภอ 336 ตำบล 2,677 หมู่บ้าน นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสถานการณ์ภัยแล้งมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยสำรวจข้อมูลพื้นฐานประกอบการบริหารจัดการน้ำและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมวางแผนจัดสรรน้ำให้ทั่วถึง ใช้ประโยชน์จากน้ำทุกแหล่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่ และวัสดุอุปกรณ์ให้บริการแจกจ่ายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2556 – 27 กุมภาพันธ์ 2557 มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว15 จังหวัด รวม 58 อำเภอ 336 ตำบล 2,677 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ มหาสารคาม ขอนแก่น และศรีสะเกษ ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี สระบุรีและชัยนาท ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และปราจีนบุรี ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นายกรัฐมนตรี ห่วงใยผู้ประสบภัยแล้ง จึงได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยสำรวจจัดทำฐานข้อมูลประกอบการบริหารจัดการน้ำและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย อาทิ พื้นที่ประสบภัย พื้นที่เสี่ยงภัย ปริมาณน้ำต้นทุน ความต้องการใช้น้ำ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมวางแผนจัดสรรน้ำให้ทั่วถึง ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ น้ำที่ใช้ในภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม รวมถึง ใช้ประโยชน์จากน้ำทุกแหล่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งน้ำฝน น้ำบนดินและน้ำใต้ดิน ตลอดจนระดมกำลังเจ้าหน้าที่ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เช่น รถบรรทุกน้ำ เครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำระยะไกล เป็นต้น ประจำตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ออกให้บริการแจกจ่ายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ และให้การบริหารจัดการน้ำที่มีจำกัดเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า จากการประสานข้อมูลสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ พบว่ามีปริมาตรน้ำทั้งสิ้น 44,823 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 64 มีปริมาตรน้ำใช้การได้ 21,320 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 46 มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2556 ซึ่งมีปริมาตรน้ำ 42,505 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60 จำนวน 2,318 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม แหล่งน้ำต้นทุนสนับสนุนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาตรน้ำกักเก็บรวม 11,887 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุรวม ทั้ง 4 อ่างฯ เป็นปริมาตรน้ำที่ใช้การได้ 5,191 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34.5 ของความจุรวมทั้ง 4 อ่างฯ ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวมีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งเกินกว่าแผนที่กำหนด โดยเฉพาะการทำนาปรัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ จึงขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำและแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ เลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย งดเว้นการทำนาปรัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก ภัยแล้งสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ