ปภ.รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง 30 จังหวัด 189 อำเภอ นายกฯ ห่วงสถานการณ์ภัยแล้ง

ข่าวทั่วไป Wednesday March 26, 2014 10:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--ปภ. ปภ.รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง 30 จังหวัด 189 อำเภอ นายกฯ ห่วงสถานการณ์ภัยแล้ง สั่งสำรวจพื้นที่เสี่ยง ตรวจสอบสถานการณ์น้ำ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 30 จังหวัด 189 อำเภอ 1,165 ตำบล 10,582 หมู่บ้าน นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสถานการณ์ภัยแล้ง สั่ง ปภ.ประสานจังหวัดสำรวจพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ประสบภัยแล้ง พื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ พร้อมจัดโซนนิ่งการช่วยเหลือ เน้นวางแผนบริหารจัดการน้ำและแจกจ่ายน้ำทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 – ปัจจุบัน มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว 30 จังหวัด รวม 189 อำเภอ 1,165 ตำบล 10,582 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ตาก น่าน พะเยา พิษณุโลก นครสวรรค์ พิจิตร แม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ ขอนแก่น ศรีสะเกษชัยภูมิ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และหนองบัวลำภู ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี สระบุรี ชัยนาท และสมุทรปราการ ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และปราจีนบุรี ภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่ ตรัง สตูล กระบี่ สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช นายกรัฐมนตรีห่วงสถานการณ์ภัยแล้งจึงได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบูรณาการ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยวิเคราะห์ สำรวจพื้นที่ประสบภัยแล้งและตรวจสอบสถานการณ์น้ำ สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนแก้ไขปัญหาภัยแล้ง สำรวจพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ จัดโซนนิ่งพื้นที่ในและ นอกเขตชลประทาน เพื่อกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือตามระดับความรุนแรงได้เหมาะสมกับสถานการณ์ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เน้นการกระจายน้ำทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ นอกจากนี้ ให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุอุปกรณ์นำน้ำไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า จากการประสานข้อมูลสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ พบว่า มีปริมาตรน้ำทั้งสิ้น 41,702 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 59 มีปริมาตรน้ำใช้การได้ 18,199 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 39มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2556 ซึ่งมีปริมาตรน้ำ 40,076 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 57 จำนวน 1,626 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม แหล่งน้ำต้นทุนสนับสนุนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาตรน้ำกักเก็บรวม 10,917 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 39.25 ของความจุรวมทั้ง 4 อ่างฯ เป็นปริมาตรน้ำที่ใช้การได้ 4,221 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 27.25 ของความจุรวมทั้ง 4 อ่างฯ ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวมีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งเกินกว่าแผนที่กำหนด โดยเฉพาะการทำนาปรัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้จึงขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำและแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ เลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย งดเว้นการทำนาปรัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป 0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ