กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เอเชียน สมอลแคป อิควิตี้ เอฟไอเอฟ (MS-ASIAN SM) รายงานผลตอบแทนสุดหรู AUM พุ่งทะลุ 4 พันล้านบาท ยังคงครองแชมป์กองทุนหุ้นเอเชียในไทยต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 4, 2014 11:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด (“บลจ.แมนูไลฟ์”) เปิดเผยว่า กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เอเชียน สมอลแคป อิควิตี้ เอฟไอเอฟ (MS-ASIAN SM) เติบโตอย่างรวดเร็วมากภายในช่วงเวลา 5 เดือนนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ด้วยขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 2,353 ล้านบาทเมื่อปลายปีก่อน มาทะลุ 4,198 ล้านบาท ใน พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ยังคงเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุนต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นเอเชียที่มีขนาดกองทุนใหญ่ที่สุดในไทยขณะนี้ กองทุน MS-ASIAN SM เป็นกองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Manulife Global Fund-Asian Small Cap Equity Fund (กองทุนหลัก) บริหารโดย Linda Csellak ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมตราสารทุนที่ลงทุนในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ของ Manulife Asset Management ในฮ่องกง และเมื่อไม่นานมานี้ Linda Csellak ยังได้รับรางวัล “Long–Only Equity Fund Manager of the Year Small Cap” ซึ่งจัดโดย The Asset ‘s Tripple A Investor and Fund Manager Award 2014 อีกด้วย สาเหตุหลักที่กองทุน MS-ASIAN SM ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องนั้นมาจากผลการดำเนินงานที่เหนือเกณฑ์มาตรฐานอย่างมีนัยสำคัญมาโดยตลอด โดยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 ผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ 14.00% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน MSCI AC Asia Pacific ex JP Small Cap Index ที่ 10.64% หรือสูงกว่า 3.36% และหากคำนวณผลตอบแทนโดยรวมตั้งแต่ที่มีการจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 สร้างผลตอบแทนสูงถึง 70.55% หรือสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 51.51% นายต่อกล่าวเพิ่มเติมว่า “หลักสำคัญของการลงทุนในหุ้น คือ การคัดเลือกหุ้นถูกตัวและเข้าลงทุนถูกจังหวะ ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนได้ จากผลการดำเนินงานของกองทุน MS-ASIAN SM ที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการคัดเลือกหุ้นรายตัวและการบริหารกองทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพของทีมงานการลงทุนของแมนูไลฟ์ อันเป็นผลมาจากความพร้อมของทีมการลงทุนทั่วภูมิภาคเอเชียประกอบกับวิธีการบริหารพอร์ตลงทุนแบบเชิงรุกด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการทำ Stock Selection แบบ Bottom-up โดยเน้นการหาหุ้นขนาดเล็กซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคเอเชียที่มีศักยภาพในการเติบโตของกำไรสุทธิและต้องเข้าลงทุนก่อนคนอื่นเพื่อทำให้สามารถลงทุนในระดับราคาที่ยังต่ำและมีโอกาสในการทำกำไรสูงเมื่อเริ่มได้รับความสนใจในกลุ่มนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) ให้แก่กองทุนได้ดีเสมอมา” สำหรับแนวโน้มของหุ้นขนาดเล็กในเอเชียนั้น นายต่อกล่าวว่า “เรายังมีมุมมองในเชิงบวกสำหรับหุ้นขนาดเล็กในเอเชียสำหรับปี 2557 นี้ แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี หุ้นขนาดเล็กจะมีความผันผวนจากการที่นักลงทุนบางส่วนได้หันกลับไปให้ความสนใจในหุ้นขนาดใหญ่ และทำให้หุ้นขนาดเล็กอยู่ภายใต้ภาวะกดดันและปรับตัวลง โดยเฉพาะในตลาดจีนและเกาหลี แต่ทางผู้จัดการกองทุนหลักถือว่าเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนและเพิ่มสัดส่วนในหุ้นหลายตัวที่มีมูลค่าน่าสนใจ และเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในครั้งนี้เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้จะออกมาดีมากในไตรมาสหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียโดยรวมจะยังคงมีอัตราการเติบโตของ GDP สูงกว่าตลาดตะวันตกที่พัฒนาแล้วต่อไป โดยเอเชียเหนือซึ่งมีการพึ่งพาการส่งออกจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกเหนือจากตลาดในภาคเอเชียเหนือแล้ว ผู้จัดการกองทุนหลักยังเริ่มสนใจในตลาดอินเดียนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาหุ้นค่อนข้างต่ำและมีการปรับประมาณการณ์กำไรเพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุด ผลการเลือกตั้งทั่วไปของอินเดีย ซึ่งพรรค BJP ภายใต้การนำของว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นาย Narendra Modi ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียมีความคึกคักมากขึ้น ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นและยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากภายใต้นโยบายการปฎิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะในหุ้นที่แปรผันตามเศรษฐกิจในประเทศ (domestic cyclical stocks)” นายต่อกล่าวทิ้งท้ายว่า “กองทุน MS-ASIAN SM เป็นกองทุนที่มีการลงทุนในหลายตลาดจึงช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน และเป็นกองทุนที่นักลงทุนสามารถทยอยเข้าลงทุนได้ทุกขณะ โดย ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 พอร์ตการลงทุนของกองทุนหลักมีค่า P/E เฉลี่ยเพียง 10.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E รวมของตลาดที่ประมาณ 15.1 เท่า ขณะที่อัตราการเติบโตของผลกำไรสุทธิ (EPS growth) สูงถึง 45% จึงทำให้เรามั่นใจว่า หุ้นส่วนใหญ่ที่อยู่ในกองทุน MS-ASIAN SM ยังมีระดับราคาที่ไม่แพงและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนได้ต่อไป” หากนักลงทุนสนใจลงทุนในกองทุน MS-ASIAN SM สามารถติดต่อที่ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) โดยตรงหรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนที่ได้รับแต่งตั้ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร 0-2246-7650 กด 2

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ