ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท “บ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์” ที่ระดับ “A+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 22, 2014 09:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย ตลอดจนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และผลงานในการบริหารศูนย์รวมวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ครบวงจร ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการแข่งขันในหมู่ผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลประกอบการและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้โดยที่ยังคงอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายสาขา ทั้งนี้ ร้านค้ารูปแบบใหม่ของบริษัทคาดว่าจะช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างกำไรให้แก่บริษัทเพิ่มขึ้นในอนาคต บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โฮมโปร” ณ สิ้นเดือนเมษายน 2557 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (30.23%) และ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (19.77%) บริษัทจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่เกี่ยวกับบ้านแบบครบวงจร อาทิ อุปกรณ์ปรับปรุงและซ่อมแซมบ้าน อุปกรณ์ห้องน้ำและเครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องใช้ในครัว และเครื่องตกแต่งบ้าน ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจด้วยการเปิดสาขาใหม่โดยเฉลี่ย 7 สาขาต่อปี เปรียบเทียบกับ 3 สาขาต่อปีในช่วงก่อนหน้า โดยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมานิยมศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่เป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายสาขาของบริษัท ในปี 2556 บริษัทได้เปิดร้านค้ารูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ “เมกาโฮม” ซึ่งเป็นร้านค้าในรูปแบบคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่เน้นตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้รับเหมา ตลอดจนเจ้าของโครงการ ร้านค้ารายย่อย และผู้บริโภค โดยแต่ละสาขาของเมกาโฮมจะจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านและสินค้าที่ใช้ในบ้านซึ่งมีพื้นที่ขายประมาณ 12,000-20,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ต่อสาขา ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 70 สาขา ประกอบด้วยร้านค้าโฮมโปรรูปแบบเดิม 21 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 45 สาขาในต่างจังหวัด นอกจากนี้ บริษัทมีร้านค้าภายใต้รูปแบบเมกาโฮม 4 สาขา เมื่อรวมทุกสาขาแล้ว บริษัทมีพื้นที่ขายทั้งหมดประมาณ 543,000 ตร.ม. และพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดประมาณ 124,000 ตร.ม. โดยสาขาที่เปิดใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 มีทั้งหมด 5 แห่งในต่างจังหวัด ประกอบด้วยร้านค้าโฮมโปร 3 สาขา และร้านค้าเมกาโฮม 2 สาขา การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทสามารถสร้างฐานธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นแผนการขยายสาขาในต่างจังหวัดเพิ่มเติมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 34,542 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 40,112 ล้านบาทในปี 2556และในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 23,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่ม 5% จากยอดขายของสาขาเดิม 10% จากสาขาใหม่ และ 6% จากเมกาโฮม อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทที่เพิ่มขึ้นจาก 26.0% ในปี 2555 เป็น 26.8% ในปี 2556 แต่ลดลงเล็กน้อยเป็น 26.2% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 การลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นเนื่องจากสัดส่วนยอดขายที่มาจากเมกาโฮมเพิ่มขึ้น ซึ่งร้านค้าเมกาโฮมมีอัตรากำไรขั้นต้นน้อยกว่าร้านค้ารูปแบบเดิมของโฮมโปร บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 3,993 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 4,884 ล้านบาทในปี 2556 และเป็น 2,656 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีจากการบริหารเงินสดที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการขยายสาขาจำนวนมากและการสำรองสินค้าคงคลังสำหรับสาขาที่เปิดใหม่ โดยเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นจาก 5,523 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 เป็น 11,030 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 46.7% ในช่วงเดียวกัน เมื่อเทียบกับ 34%-40% ในช่วงระหว่างปี 2552-2555 ถึงแม้ภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมาก อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทยังคงแข่งแกร่งที่ระดับ 44.0% ในปี 2556 และ 45.1% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เพื่อบรรลุแผนการขยายสาขา 10-11 สาขาในประเทศและเปิดสาขาใหม่ 1 สาขาที่ประเทศมาเลเซีย บริษัทจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาทในปี 2557 ทั้งนี้บริษัทจะจัดหาเงินลงทุนดังกล่าวจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและการกู้ยืม บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HMPRO) อันดับเครดิตองค์กร: A+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: HMPRO169A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2560 A+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ