สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ ระดมสมองแพทย์ชั้นนำ แนะเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มให้ปลอดภัย

ข่าวทั่วไป Friday September 5, 2014 17:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--คอร์แอนด์พีค สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เร่งสร้างความตระหนักในเรื่องเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ให้มีความปลอดภัย จัดอบรมแพทย์ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่อง “วิธีหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อนจากการฉีดสารเติมเต็มชนิดไม่ถาวร” และเรื่อง “Unlock the Beauty Secret – Feel the Difference with HA Volumizer” เพื่อให้แพทย์ได้รู้ถึงวิธีป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง พร้อมทั้งได้จัดทำคู่มือเวลาเกิดผลข้างเคียงฉีดเข้าเส้นเลือดที่ทำให้ตาบอด เนื้อตาย และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้แพทย์ผิวหนังเฉพาะทางได้ทราบและแก้ไขได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที ผศ.พญ. สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ตระหนักถึงเรื่องเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ชนิดไม่ถาวร ให้มีความปลอดภัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเพื่อเป็นการให้ความรู้แก่แพทย์ที่ฉีดสารเติมเต็มให้ผู้ป่วยอย่างถูกวิธีและป้องกันอันตรายจากการฉีดสารเติมเต็ม จึงได้มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ โดย Professor Hee-Jin KIM, DDS, Ph.D., Chairman, Division in Anatomy & Developmental Biology, Department of Oral Biology. Yonsei University College of Dentistry, Korea และ อ.พญ. ประภาวรรณ เชาวะวณิช จากสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ มาแนะนำและให้ความรู้กับแพทย์ผิวหนัง ในเรื่อง วิธีหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อนจากการฉีดสารเติมเต็ม และในการบรรยายต่อเนื่องในเรื่อง “Unlock the Beauty Secret – Feel the Difference with HA Volumizer” โดย Dr. Mauricio De Maio ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมพลาสติก จากประเทศบราซิล ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่อง ที่ทางสมาคมแพทย์ผิวหนังฯ ได้จัดขึ้นอีกครั้ง เพื่อย้ำถึงเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มชนิดไม่ถาวรให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนทั่วไป ซึ่ง Dr. Mauricio De Maio ได้มาให้ความรู้และเน้นย้ำความสำคัญของกายวิภาคศาสตร์บนใบหน้า ทั้งเส้นเลือดและเส้นประสาท ซึ่งมีความสำคัญมาก ถ้าเกิดมีความรู้ในด้านนี้ไม่เพียงพอก็มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงหรืออาการแทรกซ้อนจากการฉีดสารเติมเต็มต่างๆ ได้ จากนั้นยังได้สอนถึงเทคนิคและวิธีการที่จะฉีดให้ปลอดภัย และควรดูแลคนไข้ก่อนและหลังการฉีดอย่างไร และยังเน้นย้ำในเรื่องของความสะอาดในขั้นตอนการฉีด ตลอดจนให้ทุกคนตระหนักว่า ผลข้างเคียงไม่ได้มีแค่ฉีดโดนเส้นเลือดหรือเส้นประสาทเท่านั้น ซึ่งเราพบว่าในบางรายเกิดการติดเชื้อ และมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ด้าน อ.พญ.ประภา วรรณ เชาวะวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากสถาบันโรคผิวหนัง ซึ่งได้มาบรรยายถึงวิธีป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง พร้อมทั้งได้จัดทำคู่มือเวลาเกิดผลข้างเคียงฉีดเข้าเส้นเลือดที่ทำให้ตาบอด เนื้อตาย และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้แพทย์ผิวหนังเฉพาะทางได้ทราบและแก้ไขได้อย่างถูกต้องและทันถ่วงที กล่าวว่า สารฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มที่ช่วยแก้ไขจุดบกพร่องในเรื่องของริ้วรอย รอยย่นหรือในบางกรณี ที่คนไข้มีปัญหา เป็นโรคบางอย่าง แล้วเกิดการยุบตัวของผิวหน้าหรือใบหน้า เราก็จะใช้สารเติมเต็มเข้ามาช่วย โดยแพทย์ต้องวางแผนการรักษาเป็นอย่างดี ส่วนเทคนิคในการฉีดก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ เช่น ฉีดแบบยาวเป็นเส้น มีข้อดีคือฟิลเลอร์จะไหลลื่นกว่า รอยเข็มจิ้มจะน้อย และการฉีดแบบหลายจุด มีข้อดี คือ สามารถควบคุมปริมาณและกำหนดจุดได้ แต่รอยจิ้มเข็มจะเยอะ ที่สำคัญควรฉีดช้า ๆ ผิวจะได้เรียบเนียนไม่เป็นก้อน ในเรื่องของวิธีการดูแลหลังการฉีด หลังทำการรักษาประมาณ 48 ชั่วโมง ห้ามคนไข้แสดงสีหน้ามากเกินไป ควรประคบเย็นจะช่วยลดอาการบวมแดงได้ และควรนวดหลังฉีดเพื่อให้เข้าที่ ส่วนสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปตัวที่ผ่าน อย. ของประเทศไทยแล้ว จะเป็นชนิดไม่ถาวร ซึ่งแพทย์ผิวหนังทั่วไปสามารถฉีดได้ โดยจะมีระยะเวลาเฉลี่ยตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี แล้วแต่ยี่ห้อ หากครบกำหนดก็ต้องไปเติมใหม่อีกครั้ง ซึ่งอันตรายของการฉีดฟิลเลอร์ คือหากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง โดยฉีดเข้าไปในหลอดเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดได้ ทำให้เกิดเนื้อตายบริเวณที่เส้นเลือดนั้นมาเลี้ยง หรือฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดตาบอด เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา มีผลทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ ซึ่งขณะนี้พบในประเทศไทยและต่างประเทศแล้ว ส่วนอาการแพ้สารฟิลเลอร์ อาจจะเกิดปฏิกิริยาได้แต่น้อยมาก ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างปลอดภัยแล้ว อ.พญ.ประภา วรรณ กล่าวว่า หากต้องการหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อนจากการฉีดสารเติมเต็ม หรือ ฟิลเลอร์ ต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ 1.สารฟิลเลอร์ ต้องปลอดภัยและผ่านการรับรองจาก อย.แล้ว ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้กรดไฮยาลูโรนิก เนื่องจากไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ และมีความคงตัว สามารถอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน 2.คนไข้ มีข้อบ่งชี้ว่าจะแพ้หรือข้อห้ามในการฉีดหรือไม่อย่างไร ซึ่งก่อนฉีดฟิลเลอร์คนไข้ควรหยุดยาแอสไพรินและวิตามินจำพวก วิตามินอี และฟิชออยล์ และควรระวังเป็นพิเศษกับคนไข้ที่เป็นเด็ก หญิงตั้งครรภ์ และมารดาที่ให้นมบุตร 3.แพทย์ ต้องมีความรู้เรื่องกายวิภาค มีเทคนิคที่ดี มีประสบการณ์ ตลอดจนควรมีความใส่ใจต่อคนไข้ และต้องมีความระมัดระวังด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในการฉีดเข้าเส้นเลือด ซึ่งอาจส่งผลให้ตาบอดหรือเนื้อตายได้ ที่สำคัญควรเลือกสถานพยาบาลที่มีอุปกรณ์ครบครัน สะอาด และได้รับใบอนุญาติให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้วย เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ อ.พ.ญ.มาริษา พงศ์พฤติพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และรองประธานวิชาการ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การฉีดสารเติมเต็มในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะการฉีดสารเติมเต็มสามารถเห็นผลได้ทันที และขั้นตอนไม่ยุ่งยากไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด เพียงแต่แพทย์ผู้ทำการฉีดจะต้องให้ความสำคัญกับเทคนิคที่ปลอดภัย รวมถึงตำแหน่งที่ควรระมัดระวังในการฉีด โดยเฉพาะแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์น้อย ควรต้องเรียนรู้ให้มาก ที่สำคัญคนไข้ควรมีความรู้ในเรื่องของตัวผลิตภัณฑ์เบื้องต้นก่อน ว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร ตลอดจนผลข้างเคียงหรืออาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ตำแหน่งฉีดใดบ้างที่อันตราย ก็ควรปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจก่อนการตัดสินใจฉีด สารเติมเต็มต่างๆ
แท็ก สมอง  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ