ฟิทช์ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท ไทยประกันชีวิตที่ ‘A-’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 18, 2015 18:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (International Insurer Financial Strength (IFS)) และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ของบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ที่ ‘A-’ และ ‘AAA(tha)’ ตามลำดับ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ TLI สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ที่แข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานที่ดี พอร์ตการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำของบริษัท และระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของบริษัท TLI เป็นบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทยในด้านเบี้ยประกันภัยรับรวม โดยบริษัทยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ที่ 12.5% ในปี 2557 (12.4% ในปี 2556) แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายสาขาของธนาคาร ทั้งนี้เนื่องมาจากบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนประกันที่แข็งแกร่ง TLI มีจำนวนตัวแทนประกันมากเป็นอันดับสองในประเทศไทย โดยประมาณ 84% ของเบี้ยประกันรับรวมของบริษัทในปี 2557 เป็นการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนประกัน TLI มีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์รวม (pre-tax return on assets) ที่ 3.1% ต่อปี ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2557 (2.2% ในปี 2556) ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับอัตราส่วนของบริษัทประกันชีวิตอื่นในกลุ่มอันดับเครดิต ‘A’ ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากการที่บริษัทให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงและมีนโยบายการกำหนดราคาที่เหมาะสม พอร์ทการลงทุนของ TLI ยังคงมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำ โดยส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยตราสารหนี้และเงินสด ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 85% ของพอร์ทการลงทุนรวม ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2557 บริษัทบริหารพอร์ทการลงทุนอย่างระมัดระวังโดยกำหนดให้การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศและต่างประเทศต้องไม่ต่ำกว่า investment grade ตามเกณฑ์สากลและเกณฑ์ในประเทศ ฟิทช์เชื่อว่า TLI จะสามารถรับมือได้กับกฎระเบียบเรื่องการเพิ่มระดับเงินกองทุนซึ่งจะมีการบังคับใช้ในอนาคต เนื่องจากบริษัทมีระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง อัตราทำกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีการบริหารเงินกองทุนอย่างระมัดระวัง โดยบริษัทมีสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (Risk-based capital – RBC) อยู่ที่ 464% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2557 (442% ณ สิ้นปี 2556) ซึ่งสูงกว่าระดับขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่ 140% Meiji Yasuda Life Insurance Company (Meiji Yasuda Life; IFS: A+/เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ) เข้าซื้อหุ้น 15% ใน TLI ในปี 2556 เพื่อขยายเครือข่ายนอกประเทศญี่ปุ่นของบริษัท ทั้งนี้ ฟิทช์คาดว่าการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจระหว่าง TLI กับ Meiji Yasuda Life จะช่วยให้ TLI ได้รับประโยชน์ในด้านการบริหารความเสี่ยง และการพัฒนาความสามารถในด้านการขายและด้านผลิตภัณฑ์ในระยะปานกลาง ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต ปัจจัยที่อาจมีผลให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและภายในประเทศถูกปรับลดอันดับ ได้แก่ ในกรณีที่มีการปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญของสถานะเงินกองทุนของบริษัท โดยที่สัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) ลดลงต่ำกว่า 250% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง หรือการปรับตัวแย่ลงของความสามารถในการทำกำไรซึ่งสะท้อนได้จากอัตราส่วนของกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์ที่ต่ำกว่า 1% อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (Long-Term Local Currency IDR) ของประเทศไทยที่ ‘A-’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ถูกปรับลดอันดับ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลของ TLI ก็น่าจะถูกปรับลดอันดับเช่นกัน การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ TLI ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทย และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศปัจจุบันก็เป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดแล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ