กรุงเทพ--28 ต.ค.--สวช.         นายอาทร จันทวิมล เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) ได้เปิดเผยว่า ในวันที่  18 พฤศจิกายน เวลา 14.00-15.30 น. สวช.จะจัดแสดง "คอนเสิร์ตวงดุริยางค์เยาวชนไทย `40" ขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมฟรี         การแสดง  "คอนเสิร์ตวงดุริยางค์เยาวชนไทย  `40"  นี้เป็นการแสดงความสามารถของเยาวชนไทยกว่า  80  คน  จากสถาบันการศึกษาต่าง ที่ได้มาพากเพียรฝึกซ้อมดนตรีประเภทซิมโฟนีออเคสตร้าร่วมกัน เป็นเวลาเกือบปี และบัดนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะได้แสดงผลงานแห่งความวิริยะอุตสาหะในครั้งนี้ โดยมี อ.สุทิน ศรีณรงค์ เป็นผู้อำนวยเพลง         บทเพลงที่จะแสดงครั้งนี้   นอกจากจะมีบทเพลง   Symphony   NO.8   ของเบโธเฟ่น /Concerto  in A minor (3rd Movement) ของบาค (Bach) แล้ว ยังจะมีบทเพลงบรรเลงโดย เครื่องทองเหลือง  (Brass  Ensemble)  คือเพลง Two pieces from Kije ของ Prokofiev (โปรโกเฟียฟ)  เพลง Napoli March ซึ่งในส่วนนี้จะอำนวยเพลงโดยนายวานิช โปตะวนิช และจะมีการอัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์อีก 2 เพลง คือ เพลงคำหวาน และดวงใจกับความรัก          อนึ่ง  วงดุริยางค์เยาวชนไทยนี้  ได้ก่อตั้งขึ้น  เมื่อ  พ.ศ.2529  โดยดร.สายสุรี จุติกุล เลขาธิการ  สยช. สมัยนั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวางรากฐานและเป็นต้นแบบให้แก่เยาวชนในประเทศไทย  เพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพในด้านดนตรีประเภทซิมโฟนี ออเคสตร้า ในอันที่จะยกระดับมาตรฐานด้านดนตรีของเยาวชนในประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็นสากลและทัดเทียมกับอารยประเทศ   ซึ่งเป็นผลจากโครงการความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมของอาเซียนคือโครงการประชุมปฏิบัติการดนตรีเยาวชนอาเซียนที่มีวัตถุประสงค์ประการหนึ่ง  ในการสนับสนุนให้มีการจัดตั้งวงดุริยางค์ซิมโฟนีเยาวชนในแต่ละประเทศ  ต่อมาในปี  พ.ศ.2533 สยช. ได้มอบหมายให้ สวช.ได้ดำเนินการต่อ เนื่องจากมีความพร้อมในด้านสถานที่ฝึกซ้อมและแสดง  ซึ่งวงดุริยางค์เยาวชนไทยดังกล่าว ก็ได้มีการพัฒนาที่ดีขึ้นมาโดยตลอด ในแต่ละปีจะมีการรับสมาชิกใหม่ซึ่งอายุไม่เกิน  24  ปี  เพื่อเพิ่มและทดแทนสมาชิกที่ออกไป และมีการฝึกซ้อมภาคปฏิบัติเป็นประจำทุกอาทิตย์ จากนั้นจะมีการจัดแสดงคอนเสิร์ต เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนเหล่านี้ได้แสดงความสามารถปีละครั้งดังกล่าว  เป็นที่น่าภาคภูมิใจว่านักดนตรีเยาวชนหลายคนได้มีการพัฒนาความสามารถจนก้าวขึ้นสู่เวทีระดับชาติและนานาชาติ   จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยมาแล้ว--จบ--