“คนไทยกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2015 – 2016 และไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015”

ข่าวทั่วไป Tuesday August 11, 2015 13:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “คนไทยกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2015 – 2016 และไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 2558 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 4,058 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2015 – 2016 และไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015 และทีมที่ชื่นชอบ อาศัยการสุ่มตัวอย่างจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” ด้วยความน่าจะเป็นแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยแบ่งภูมิภาคออกเป็น 5 ภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภาค สุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ (Systematic Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95.0 และมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error: S.E.) ไม่เกิน 0.8 จากผลการสำรวจ การติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ (Barclays Premier League) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 78.19 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ขณะที่ ร้อยละ 21.81 ระบุว่า ติดตามซึ่งในจำนวนประชาชนที่ติดตาม ส่วนใหญ่ ร้อยละ 65.31 ระบุว่า ติดตามเป็นครั้งคราว ขณะที่ ร้อยละ 34.69 ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ จากการเปรียบเทียบผล 3 ปี พบว่าการติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีแนวโน้มลดลงตามลำดับ ได้แก่ ร้อยละ 32.02 ในปี 2556 และ ร้อยละ 30.76 ในปี 2557 แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ติดตามสม่ำเสมอมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่นจาก ร้อยละ 16.21 ในปี 2556 เป็นร้อยละ 20.28 ในปี 2557 สำหรับ ทีมที่ชื่นชอบมากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาล 2015 ที่กำลังจะเริ่มขึ้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 32.32 ระบุว่า Manchester United มากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 26.89 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Liverpool ร้อยละ 12.99 ระบุว่า Arsenal ร้อยละ 12.88 ระบุว่า Chelsea ร้อยละ 2.94 ระบุว่า Manchester City ร้อยละ 2.83 ระบุอื่นๆ เช่น Newcastle United, Aston Villa, Everton, Crystal Palace, Bournemouth, Norwich, Tottenham Hotspur, Watford, West Bromwich Albion เป็นต้น และ ร้อยละ 9.15 ระบุว่า เฉย ๆ / ไม่มีทีมใดชอบเป็นพิเศษ จากการเปรียบเทียบผล 3 ปี พบว่า ทีมฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษที่คนไทยชื่นชอบในลำดับ 1 และ 2 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือ Manchester United และ Liverpool ตามลำดับ แต่ทีมที่คนไทยชื่นชอบในลำดับ 3 และ 4 คือ Arsenal และ Chelsea มีการเปลี่ยนแปลงสลับลำดับกันบ้างในบางปีขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของทีมในแต่ละปี เช่น ในปี 2556 ทีมลำดับที่ 3 ที่คนไทยชอบคือ Chelsea แต่ในปี 2557 กลับหล่นลงมาเป็นที่ 4 โดยมี Arsenal สลับขึ้นมาแทนที่ เมื่อถามถึง การติดตามฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก (Toyota Thai Premier League) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 70.87 ระบุว่า ไม่ได้ติดตามฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ขณะที่ ร้อยละ 29.13 ระบุว่า ติดตามซึ่งในจำนวนประชาชนที่ติดตาม ส่วนใหญ่ ร้อยละ 78.51 ระบุว่า ติดตามเป็นครั้งคราว ขณะที่ ร้อยละ 21.49 ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ เมื่อเปรียบเทียบผล 3 ปี พบว่า มีผู้ติดตามฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกเพิ่มขึ้น จากปี 2556 และ 2557 รวมถึงมี แนวโน้มผู้ติดตามสม่ำเสมอเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับ ทีมที่ชื่นชอบมากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก (Toyota Thai Premier League) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 36.83 ระบุว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รองลงมา ร้อยละ 13.72 ระบุว่า เอสซีจี เมืองทอง ร้อยละ 6.77 ระบุว่า ชลบุรี เอฟซี ร้อยละ 3.39 ระบุว่า บางกอกกล๊าส ร้อยละ 3.05 ระบุว่า นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ร้อยละ 2.29 ระบุว่า สุพรรณบุรี ร้อยละ 1.95 ระบุว่า เชียงราย ยูไนเต็ด ร้อยละ 9.56 ระบุอื่นๆ ได้แก่ บีอีซี เทโร ศาสน, อาร์มี่ ยูไนเต็ด, ศรีสะเกษ เอฟซี, แบงค็อก ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี, สระบุรี, ราชบุรี มิตรผล, ชัยนาท ฮอร์นบิล, ราชนาวี, โอสถสภา เอ็ม150, ทีโอที เอสซี และร้อยละ 22.44 ระบุว่า ไม่มีทีมใดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ/เฉย ๆ เมื่อเปรียบเทียบผล 3 ปี จะเห็นได้ว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอสซีจี เมืองทอง และ ชลบุรี เอฟซี เป็นทีมที่ได้รับความนิยมที่ 1, 2 และ 3 ตามลำดับมาโดยตลอด โดยความนิยมของทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีลักษณะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ความนิยมของทีม เอสซีจี เมืองทอง และ ชลบุรี เอฟซี มีแนวโน้มลดลงมาโดยตลอดจากปี 2556 ที่ร้อยละ 21.64 และ ร้อยละ 12.33 ตามลำดับ มาเป็น ร้อยละ 16.29 และ ร้อยละ 10.60 ตามลำดับในปี 2557 เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 16.34 มีภูมิลำเนาอยู่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร้อยละ 17.84 มีภูมิลำเนาอยู่ ภาคกลาง ร้อยละ 18.19 มีภูมิลำเนาอยู่ ภาคเหนือ ร้อยละ 33.46 มีภูมิลำเนาอยู่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 14.17 มีภูมิลำเนาอยู่ ภาคใต้ ร้อยละ 53.70 เป็นเพศ ชาย ร้อยละ 46.28 เป็นเพศ หญิง ร้อยละ 0.02 เป็นเพศทางเลือก ตัวอย่างร้อยละ 10.30 มีอายุ ต่ำกว่า 25 ปี ร้อยละ 28.54 มีอายุ 25 – 39 ปี ร้อยละ 45.91 มีอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 15.25 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 94.38 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.25 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 0.69 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ และ ร้อยละ 1.68 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่างร้อยละ 25.87 สถานภาพโสด ร้อยละ 70.35 สถานภาพสมรส ร้อยละ 1.95 สถานภาพหม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และ ร้อยละ 1.82 ไม่ระบุสถานภาพ ตัวอย่างร้อยละ 29.62 ระบุว่าจบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 30.68 ระบุว่าจบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.41 ระบุว่าจบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 24.13 ระบุว่าจบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 3.92 สูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 2.24 ไม่ระบุการศึกษา ตัวอย่างร้อยละ 11.53 ประกอบอาชีพ ข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 13.36 ประกอบอาชีพ พนักงานเอกชน ร้อยละ 22.08 ประกอบอาชีพ เจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 15.23 ประกอบอาชีพ เกษตรกร/ประมง ร้อยละ 17.57 ประกอบอาชีพ รับจ้างทั่วไป ร้อยละ13.50 ประกอบอาชีพ พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 4.24 ประกอบอาชีพ นักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 0.02 ประกอบอาชีพ องค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร และร้อยละ 2.46 ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่าง ร้อยละ 16.49 ระบุว่าไม่มีรายได้ ร้อยละ 25.33 มีรายได้ไม่เกิน 10,000 ร้อยละ 28.78 มีรายได้ต่อเดือน 10,001 – 20,000 มีร้อยละ 10.33 รายได้ต่อเดือน 20,001 – 30,000 ร้อยละ 5.86 มีรายได้ต่อเดือน 30,001 – 40,000 ร้อยละ 5.67 มีรายได้ต่อเดือน มากกว่า 40,001 ขึ้นไป และร้อยละ 7.54 ไม่ระบุรายได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ