กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุหว่ามก๋อปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง มุ่งดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของผู้ประสบภัยเป็นสำคัญ ด้าน ปภ.ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลพายุหว่ามก๋อณ วันที่ 20 กันยายน 2558 ว่าปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบภัย 6 จังหวัด ได้แก่ พังงา ระยอง ชุมพร จันทบุรี ตราด และสตูล ซึ่งนายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย จึงได้สั่งกำชับให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน พร้อมให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และรักษาความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก อีกทั้งเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังไปยังพื้นที่รองรับน้ำ หรือผันน้ำสู่แหล่งกักเก็บน้ำรวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เพื่อให้การระบายน้ำบนพื้นผิวจราจรและที่ลุ่มต่ำ มีประสิทธิภาพมากขึ้น?ตลอดจนเร่งสำรวจประเมินความเสียหาย และจัดทำบัญชีพื้นที่ประสบภัย เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับเข้าสู่สภาพปกติโดยเร็ว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลพายุหว่ามก๋อ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2558 จนถึงปัจจุบัน ( 20 ก.ย.58) ทำให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 19 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี พังงา ชุมพร ตราด สระบุรี ระนอง สตูล ตาก จันทบุรี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตรัง ฉะเชิงเทรา นครนายก กระบี่ พัทลุง นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์ รวม 51 อำเภอ 136 ตำบล 542 หมู่บ้านสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 13 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 6 จังหวัด 22 อำเภอ 69 ตำบล 336 หมู่บ้าน ทั้งนี้ มีพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) 8 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ชลบุรี พัทลุง ตรัง พังงา จันทบุรี ระยอง และตาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเจ้าหน้าที่ พร้อมวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยออกปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ภัยและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค จัดที่พักอาศัยชั่วคราวแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตในช่วงที่เกิดภัยได้ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784ตลอด 24 ชั่วโมง ?
0-2243-0674 0-2243-2200www.disaster.go.th