องค์กรชั้นนำในเอเชีย ใช้แนวคิดเชิงรุกสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ท่ามกลางอุปสรรคที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 22, 2015 12:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--weber shandwick BCG เปิดเผยรายงานล่าสุดที่ระบุว่าองค์กรธุรกิจซึ่งเริ่มคิดและลงมือทำก่อนคู่แข่งรวมทั้งพัฒนาศักยภาพบุคลากร และโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆจะประสบความสำเร็จในการสร้างโอกาสเติบโตในเอเชียได้ดีที่สุด แม้ว่าหลายประเทศในเอเชียกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ภูมิภาคนี้ยังคงมีโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ สร้างการเติบโตได้อีกมาก โดยรายงานฉบับล่าสุดของ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (BCG) ซึ่งเผยแพร่เป็นครั้งแรกในการประชุม สิงคโปร์ ซัมมิท ระบุว่าขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่ไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ เช่น การขาดแคลนทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพ และโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่พร้อม รวมถึงกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่ยังไม่ชัดเจน แต่กลับมีหลายบริษัทที่สามารถเอาชนะอุปสรรคด้วยการดำเนินงานแนวใหม่ที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน รายงานฉบับดังกล่าวเผยแพร่ในชื่อ "Overcoming Asia's Obstacles to Growth: How Leading Companies Are Reshaping Their Environment" เป็นบทวิเคราะห์รูปแบบการดำเนินงานของหลายบริษัทที่สามารถสร้างการเติบโตในจีน อินเดีย และใน 6 ชาติอาเซียน โดยทีมวิจัยของ BCG พบว่าบริษัทเหล่านี้ล้วนแต่มีแนวคิดแบบ "first mover" คือ คิดก่อน ทำก่อน โดยมีลักษณะเด่นๆ ร่วมกันสามประการ คือ มีวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งสร้างความก้าวหน้าทางธุรกิจ การมีวิสัยทัศน์ในระยะยาวจึงมองเห็นโอกาสในการลงทุนที่นอกเหนือจากกรอบธุรกิจเดิม และสุดท้ายคือความมุ่งมั่นที่จะสร้างพันธมิตรในตลาดนั้นๆ ลักษณะเหล่านี้ทำให้องค์กรสามารถลงทุนและเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในตลาดได้ด้วยตนเอง จนสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งได้ในที่สุด วินเซนต์ ชิน ผู้บริหารอาวุโสของ BCG ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหนึ่งในผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ กล่าวว่า "องค์กรชั้นนำในเอเชียที่มีแนวคิดก้าวหน้า จะไม่เฝ้ารอให้อุปสรรคที่พบคลี่คลายไปด้วยตัวเองอย่างไร้จุดหมาย หรือไม่ปล่อยให้สภาพการณ์ของตลาดเป็นตัวกำหนดความเคลื่อนไหวทางธุรกิจ แต่จะมองหาวิธีเอาชนะอุปสรรคอย่างสร้างสรรค์ และเข้าไปมีส่วนร่วมเชิงรุกเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจด้วยตนเอง" ในรายงานดังกล่าวยังรวบรวมกรณีศึกษาของบริษัทชั้นนำ 5 แห่ง ได้แก่ เอสเอฟ เอ็กซ์เพรส (จีน) แอสตรา อินเตอร์เนชั่นแนล (อินโดนีเซีย) แอร์เอเชีย (มาเลเซีย) และ ไวโปร (อินเดีย - หรือยูนิลีเวอร์ บริษัทระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน) ที่ล้วนแล้วแต่มีแนวคิดแบบ "first mover" ในการเอาชนะอุปสรรคทางธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสเติบโตในเอเชียทั้งสิ้น คริสโตฟ เน็ตไชม์ ผู้บริหารอาวุโสของ BCG และหนึ่งในผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ กล่าวเสริมว่า "หากตลาดแรงงานขาดแคลนบุคลากรที่มีฝีมือ บริษัทเหล่านี้ก็พร้อมจะพัฒนาคนขึ้นมาด้วยตนเอง และหากหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมกฏระเบียบ ขาดความเข้าใจถึงผลดีที่เศรษฐกิจของประเทศจะได้รับจากการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ บริษัทเหล่านี้ก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับภาครัฐ" ตัวอย่างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ ซึ่งบริษัทชั้นนำเหล่านี้นำมาใช้ในการเอาชนะอุปสรรคเชิงโครงสร้างในตลาด อาทิ แม้จะต้องพบปัญหาจากระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่สมบูรณ์ในตอนกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ เอสเอฟ เอ็กซ์เพรส กลับไม่พบปัญหาในการจัดส่งพัสดุถึงมือบริษัทขนาดเล็กใน 31 จังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้น เพราะเอสเอฟ เอ็กซ์เพรส มีฝูงเครื่องบินขนส่งของตนเอง และมีเครือข่ายศูนย์บริการกว่า 12,000 สาขาทั่วประเทศ หมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกลของอินเดีย ซึ่งบางแห่งไม่มีถนน ไฟฟ้า หรือโทรศัพท์บ้าน กลับเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สร้างยอดขายให้กับยูนิลีเวอร์อินเดียถึง 15% จากยอดขายรวมราว 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ดังนั้นเพื่อตอบสนองตลาดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงจัดทำฐานข้อมูลดิจิตอลที่มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยครอบคลุมร้านค้าเล็กๆ ในระดัมชุมชนนับล้านราย และยังสนับสนุนกลุ่มสตรีกว่า 60,000 คน ในชุมชนเหล่านี้ ให้สามารถจัดตั้งธุรกิจขนาดเล็กเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ได้ด้วยตนเอง แม้อินโดนีเซียจะประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ แต่แอสตรา อินเตอร์เนชั่นแนล กลับสามารถรับนักศึกษาจบใหม่ในอินโดนีเซียได้ถึงปีละ 3,000 คน ที่เป็นเช่นนี้เพราะบริษัทฯ ได้ร่วมกับโรงเรียนมัธยม สถาบันอาชีวศึกษา และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ จัดโครงการที่มีความครบวงจรในการรับนักศึกษาจบใหม่ นับตั้งแต่การเฟ้นหานักเรียนนักศึกษาที่เหมาะสม การคัดเลือก รับสมัคร และสนับสนุนบุคลากรที่มีศักยภาพโดดเด่นให้ได้รับการพัฒนาทักษะอย่างสูงสุด รายงานฉบับนี้ยังสรุปด้วยว่า องค์กรที่ต้องการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว และต้องการเป็นผู้นำในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วเอเชีย จะต้องเดินหน้าเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจด้วยตนเอง โดยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับมองหาโอกาสพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ และต้องมีวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาบุคคลากร และโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนกฏระเบียบข้อบังคับที่สอดคล้องกับภาคธุรกิจนั้นๆ นอกจากนี้ยังต้องพร้อมทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างความสำเร็จ เช่น ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อยกระดับการเรียนการสอน และสร้างแรงงานที่มีทักษะตรงกับความต้องการ รวมถึงการเปิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจผ่านการร่วมทุน แม้ว่าในบางครั้งอาจจะไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในกิจการใหม่เสมอไป ในทางกลับกัน องค์กรที่เลือกเฝ้าดูสถานการณ์ในตลาด และรอให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาหรือข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานหรือกรอบนโยบาย จะต้องเผชิญความเสี่ยงไม่น้อย รานุ ดายาล ผู้บริหารอาวุโสของ BCG และหนึ่งในผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ กล่าวเสริมว่า "บริษัทที่มีมุมมองไม่เปิดกว้าง อาจพลาดโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดที่กำลังเติบโตทั่วเอเชีย และสูญเสียโอกาสทางธุรกิจให้กับองค์กรที่มีแนวคิดแบบ first mover ในที่สุด"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ