บลจ.กสิกรไทยแถลง "เหตุการณ์ต่าง ๆ เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว"

ข่าวทั่วไป Monday July 7, 1997 13:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--7 ก.ค.--บลจ.กสิกรไทย เมื่อวันพุธที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศ ไทยได้ปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนของไทยจากระบบตระกร้าเงินซึ่งใช้มากกว่า 12 ปีเป็น ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว หลังจากที่เพิ่งออกมาตรการฟื้นฟูระบบสถาบันการเงิน โดยสั่งให้สถาบันการเงิน 16 แห่งหยุดดำเนินการเป็นเวลา 30 วัน เพื่อรวมกิจการเข้า สถายบันการเงินแกนในวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา มาตรการดังกล่าวสร้างความตระ หนกให้กับประชาชนทั่วไปอย่างมาก จนพากันไถ่ถอนเงินฝากออกจากสถาบันการเงินต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะกองทุนประเภทตราสารหนี้และส่งผลให้บริษัทจัดการสามแห่งต้องประ กาศหยุดซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ดังกล่าวกองทุนของบลจ.กสิกรไทย ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ที่ เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยมีประชาชนขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนประเภทตราสารหน ออกไปบางส่วนในวันที่ 30 มิถุนายน และ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันกลับเข้าสู่ ภาวะปกติแล้ว เพราะได้ทำการชี้แจงให้ผู้ถือหน่วยลงทุนและประชาชนทั่วไปผ่านสื่อมวล ชนต่างๆไม่ว่าผ่านสื่อมวลชนต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ ตลอดจนจดหมายถึงผู้ ถือหน่วยลงทุนว่า กองทุนของบริษัททุกกองทุนไม่ได้มีการลงทุนในหลักทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นตั๋ว สัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ หรือหุ้นทุนของสถาบันการเงินทั้ง 16 แห่งแต่อย่างใด ประ กอบกับความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อการดำเนินนโยบายจัดการลงทุนอย่างรอบคอบระมัดระ วังมาโดยตลอดของบริษัท ซึ่งพิสูจน์ได้จากการที่บริษัทรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง สองครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์ช่วงวันที่ 3 มีนาคม 2540 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศ ไทยประกาศรายชื่อ 10 สถาบันและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยที่กองทุนทุก ๆ กองที่บริษัทจัดการมิได้รับความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้นและผลตอบแทนยังคงอยู่ในระดับที่น่า พอใจ ทำให้ผู้ลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนของบริษัท และจาก การที่หุ้นและตราสารหนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีผู้สนใจมาลงทุนในกองทุน ของบริษัทเพิ่มขึ้น สำหรับการจัดการลงทุนในภาวการณ์เช่นปัจจุบัน บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การลงทุน โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทได้เร่งระดมทำการวิจัยถึงผลกระทบจากความ เสี่ยงของการลดค่าเงินบาท ทั้งในภาพรวมของเศรษฐกิจ รวมถึงแยกรายอุตสาหกรรมและ รายบริษัท และตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนของเงินสดขึ้น โดยขายหุ้นบางส่วนออกไป ในขณะ เดียวกันก็ได้ปรับสัดส่วนการลงทุนใหม่ โดยเน้นลงทุนในกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ จากการลดค่าเงินบาทหรือได้รับผลกระทบด้านลขากการลดค่าเงินน้อยที่สุด ซึ่งกลุ่มหุ้นดัง กล่าวได้แก่ กลุ่มบริษัทที่มีรายได้อยู่ในรูปของเงินสกุลเหรียญสหรัฐ กลุ่มธุรกิจส่งออก และ กลุ่มบริษัทที่ไม่มีหนี้ต่างประเทศ หรือมีหนี้ต่างประเทศแต่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงไว้แล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศปรับอัตราแลกเปลี่ยน ทั้ง ตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้ตกอยู่ในสภาวะที่ผันผวนอย่างมาก ทิศทางของอัตราดอกเบี้ย ทั้งระยะสั้นและระยะยาวไม่มีความชัดเจน ประกอบกับผลประกอบการของสถาบันการเงิน เริ่มแสดงให้เห็นว่าผลกระทบจากหนี้ด้อยคุณภาพจะเริ่มปรากฎผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ กองทุนมีการทบทวนและพิจารณาปรับวงเงินฝาก(Credit Line)ในสถาบันการเงินต่างๆ อย่างสม่ำเสมอได้ทำการปรับวงเงินให้เข้มงวดมากขึ้นไปอีก โดยเหลือเงินฝากเฉพาะใน สถาบันการเงินที่มั่นใจว่ามีฐานะที่มั่นคงเท่านั้น ดังนั้นโอกาสนี้จึงน่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะ สมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสาร หนี้ที่จะพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมของบริษัท--จบ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ