บมจ. ธนพิริยะ (TNP) เริ่มซื้อขายใน mai 18 พ.ย. นี้บมจ. ธนพิริยะ (TNP) ผู้ค้าปลีกค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคจากภูมิภาครายแรก พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 18 พ.ย.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 17, 2015 16:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. ธนพิริยะ (TNP) จะเข้า จดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มบริการ วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ โดย TNP ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคไม่รวมอาหารสด ภายใต้ชื่อ "ธนพิริยะ" ปัจจุบันมี 12 สาขา แบ่งเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต 11 สาขา และศูนย์ค้าส่ง 1 สาขา ทุกสาขาตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ถือเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งภูมิภาครายแรกที่เข้าจดทะเบียนใน mai TNP มีทุนชำระแล้ว 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 600 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2558 ในราคาหุ้นละ 1.75 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 350 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,400 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายนายธวัธชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ธนพิริยะ (TNP) เปิดเผยว่า TNP เติบโตคู่กับจังหวัดเชียงรายมายาวนานกว่า 25 ปี ด้วยความเข้าใจวิถีชีวิตของผู้บริโภคในพื้นที่ การเลือกทำเลที่เหมาะสม ตลอดจนการบริหารจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายสาขาได้ถึง 12 สาขาในจังหวัดเชียงราย การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายสาขาเพิ่มเติม สร้างศูนย์กระจายสินค้า ชำระหนี้กับสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายตัวจากการท่องเที่ยว และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ TNP มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มพุฒิพิริยะ ถือหุ้น 72.50% กลุ่มพันธุ์วงศ์กล่อม ถือหุ้น 3.75% และนายสุวิชญ ศิริไกรวัฒนาวงศ์ ถือหุ้น 1.19% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 40.17 เท่า คำนวณจากผลประกอบการในรอบ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2557- 30 กันยายน 2558) ซึ่งเท่ากับ 34.74 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและทุนสำรองต่างๆ ตามกฎหมาย รายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.thanapiriya.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "สานโอกาสการลงทุน เพื่อคุณ เพื่อธุรกิจ"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ