TACC ปิดจองซื้อไอพีโอ 168 ล้านหุ้น เกลี้ยง! เตรียมเข้าเทรด 2 ธ.ค.นี้ นักลงทุนมั่นใจพื้นฐานแกร่ง อนาคตสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 30, 2015 08:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--IR network บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์(TACC) ผู้จัดหา ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟรายใหญ่ในร้านสะดวกซื้อ "7-Eleven" ปิดฉากจองซื้อหุ้นไอพีโอ 168 ล้านหุ้น เกลี้ยง! แกนนำอันเดอร์ไรท์ และที่ปรึกษาทางการเงิน ชี้เป็นสัญญาณบวก นักลงทุนมั่นใจปัจจัยพื้นฐานแกร่ง อนาคตสดใส พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ "ชัชชวี วัฒนสุข"เตรียมนำเงินไปลงทุนธุรกิจ "เครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ" (Vending Machine) ในร้านสะดวกซื้อ ตั้งเป้าติดตั้งครบ 1,500 เครื่อง ภายในปี"60 หนุนรายได้-กำไร โตก้าวกระโดด นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า ผลการเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 168 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาท ในราคาหุ้นละ 2.88 บาท แบ่งเป็นเสนอขายให้กับประชาชนจำนวน 159 ล้านหุ้น และเสนอขายให้กับกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทจำนวน 9 ล้านหุ้น หุ้นทั้งสองส่วนจะเสนอขายในราคาเดียวกัน ปรากฏว่านักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ภายหลังเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 25-27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยหุ้น TACC จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 2 ธันวาคม 2558 นี้ "ยอดจองซื้อที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก ถือเป็นสัญญาณบวก สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ TACC ในฐานะที่เป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในส่วนของเครื่องดื่มในโถกดที่จำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ "7-Eleven" ขณะเดียวกันเครื่องดื่มชาเขียวเชนย่าของ TACC ยังครองมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งในกัมพูชาเช่นเดียวกัน และด้วยแผนธุรกิจในอนาคตที่เตรียมขยายการลงทุนในธุรกิจเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ" (Vending Machine) ใน 7-Eleven จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันรายได้และกำไรของ TACC ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ผนวกกับทีมผู้บริหารที่เป็นนักการตลาดมีประสบการณ์ในธุรกิจเครื่องดื่มมายาวนาน และการให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้สินค้าของ TACC ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ผมจึงมั่นใจว่า TACC จะกลายเป็นหุ้นน้องใหม่ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน"นายสมภพกล่าวในที่สุด ขณะที่นายด้านนายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) กล่าวว่า บริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ จำนวน 483.84 ล้านบาท ไปลงทุนในธุรกิจ "เครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ" (Vending Machine) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มร้อนประเภทชาและกาแฟในร้าน 7-Eleven จำนวน 120 ล้านบาท โดยตั้งเป้าติดตั้ง 1,500 เครื่อง ภายในปี 2560 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มติดตั้งเครื่อง Vending Machine ได้ประมาณ 10 เครื่องภายในปีนี้ ในปี 2559 ติดตั้งเพิ่ม 740 เครื่อง ในปี 2560 ติดตั้งเพิ่มอีก 750 เครื่อง และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ "ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นไอพีโอเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความเข้าใจธุรกิจและเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทที่จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต ภายหลังการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ TACC มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากทั้งลูกค้าและคู่ค้ามากยิ่งขึ้น อันจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทและสนับสนุนให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปลงทุนในโครงการเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ หรือ Vending Machine และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป " นายชัชชวี กล่าวในที่สุด ขณะที่ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องโดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 58 บริษัทฯ มีรายได้รวม 745.42 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 3.25% โดยมีกำไรสุทธิ 54.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 77.36% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.61 ล้านบาท รวมทั้งสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 57 ที่มีจำนวน 51.84 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ในภาพรวมยอดขายจะค่อนข้างทรงตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากบริษัทมีนโยบายในการมุ่งเน้นขายสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพิ่มมากขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ