กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--พีอาร์ดีดี
สภาวะตลาดวันที่ 05 มกราคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,073.00-1,079.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,450 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,350 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG16 อยู่ที่ 18,610 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 110 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,500 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.49 น.ของวันที่ 05/01/16)
แนวโน้มวันที่ 06 มกราคม 2559
ภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนธันวาคมโดยได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่าซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรจากการส่งออก ประเด็นดังกล่าว เพิ่มแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงของสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการเข้าสะสมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อมาร์กิตเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ 51.2 ในเดือนธันวาคม จาก 52.8 ใน เดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2012 ส่วนสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เปิดเผยดัชนีการผลิตทั่วสหรัฐลดลงสู่ 48.2 ในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2009 โดยลดลงจากระดับ 48.6 ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ราคาทองคำได้แรงหนุนจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ทะเลจีนใต้ตึงเครียดหลังเครื่องบินจีนร่อนลงจอดบนเกาะเทียม เพราะการที่เครื่องบินจีนร่อนลงจอดบนเกาะได้แสดงให้เห็นว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ จนอาจจะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการป้องกันทางอากาศที่ควบคุมโดยจีน ส่งผลให้สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับประเทศอื่นๆ ที่อ้างสิทธิเหนือพื้นที่พิพาทมีเสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้น หลังจากกระแสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารการสหรัฐส่งให้เกิดแนวโน้มว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 8 ปีในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยผลสำรวจของรอยเตอร์บ่งชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ 48 คนประเมินว่า BOE มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.75% ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งกดดันราคาทองคำเนื่องจากทองคำไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย เบื้องต้นคาดว่าราคาจะวิ่งในกรอบในลักษณะการแกว่งตัวแบบ Sideway Up ทั้งนี้ แนะนำรอเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาย่อลงมาใกล้ 1,067-1,058 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาเข้าใกล้ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจแบ่งปิดสถานะซื้อไปเป็นส่วนๆ
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า แนะนำให้นักลงทุนซื้อขายระยะสั้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวแบบ Sideway Up โดยมีการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบในทิศทางค่อยๆ ขยับขึ้น โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิค แต่ถ้าหากราคาสามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้จะเห็นการดีดตัวของราคาต่อโดยประเมินแนวต้านที่ 1,100ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าหากราคาผ่านแนวต้านสำคัญไปไม่ได้น่าจะเห็นการอ่อนตัวของราคาลงโดยประเมินแนวรับที่ 1,067 หรือ 1,058 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,067 (18,230บาท) 1,058 (18,080บาท) 1,046 (17,870บาท)
แนวต้าน 1,090 (18,630บาท) 1,100 (18,800บาท) 1,110 (18,970บาท)
GOLD FUTURES (GFG16)
แนวรับ 1,067 (18,410บาท) 1,058 (18,250บาท) 1,046 (18,050บาท)
แนวต้าน 1,090 (18,800บาท) 1,100 (18,970บาท) 1,110 (19,150บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888
สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148