สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 25 มกราคม 2559 โดย YLG

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 25, 2016 16:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--พีอาร์ดีดี สภาวะตลาดวันที่ 25 มกราคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,097.73-1,105.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,750 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG16 อยู่ที่ 18,970 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 120 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,850 บาท (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.12 น.ของวันที่ 25/01/16) แนวโน้มวันที่ 26 มกราคม 2559 นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ก็คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 3 ครั้งในปี 2016 แทนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ขณะที่การประชุมของเฟดประจำวันที่ 26-27 มกราคมนี้ เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0.25-0.50 % ต่อไป โดยเฟดอาจจะส่งสัญญาณแสดงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะร่วงลง และเนื่องจากตลาดโลกแกว่งตัวผันผวนในระยะนี้ กระแสคาดการณ์ดังกล่าวสร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐรายงานว่า กองทุนเฮดจ์ และผู้จัดการกองทุนได้เพิ่มสถานะซื้อสัญญาทองในตลาด COMEX ในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 มกราคม ขณะที่กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเปิดเผยการถือครองทองเพิ่มขึ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.25 ตัน สู่ระดับ 664.172 ตัน แต่ราคายังคงขยับขึ้นไปได้ไม่ไกลนักเพราะนักลงทุนบางหลายรายรอดูวามชัดเจนจากแถลงการณ์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) อีกครั้ง ประกอบกับ ราคาทองคำยังคงถูกกดดันจาก การฟื้นตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง เห็นได้จากตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้วในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ขณะที่พายุหิมะในแถบอีสต์โคสต์ของสหรัฐหนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นทั่วโลก หุ้นทั่วโลกยังได้แรงหนุนจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งส่งสัญญาณในสัปดาห์ที่แล้วว่าจะออกมาตรการ ผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งเพิ่มความหวังที่ว่า ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะดำเนินแนวทางเดียวกัน ขณะที่ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ ที่ 35.89 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ นักลงทุนระยะสั้นควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน มีจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุน และปฎิบัติตามแผนที่วางไว้ กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยเสี่ยงซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,093-1,085 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น ในระยะสั้นราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในกรอบหากราคาสามารถการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้เกิดแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา แต่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือรับได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิคและนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,110-1,112 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนหากราคาไม่หลุดบริเวณแนวรับ ทองคำแท่ง (96.50%) แนวรับ 1,093 (18,610บาท) 1,085 (18,470บาท) 1,070 (18,220บาท) แนวต้าน 1,112 (18,930บาท) 1,123(19,120บาท) 1,135 (19,330บาท) GOLD FUTURES (GFG16) แนวรับ 1,093 (18,810บาท) 1,085 (18,670บาท) 1,070 (18,410บาท) แนวต้าน 1,112 (19,130บาท) 1,123(19,320บาท) 1,135 (19,530บาท) หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ