วายแอลจี ชี้ ตรุษจีนกระตุ้นซื้อทองคึกคัก แต่ไม่ส่งผลต่อราคาทอง เผยเดือนม.ค.แกว่งตัวสูง ดันราคาพุ่ง 5.37% แนะกลยุทธ์เก็งกำไรระยะสั้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 2, 2016 13:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--พีอาร์ดีดี นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ถึงแม้เทศกาลตรุษจีนจะช่วยเสริมมุมมองเชิงบวกทางจิตวิทยาจากแรงซื้อทองคำที่อาจจะคึกคักมากขึ้น แต่คงไม่มีนัยสำคัญต่อราคาทองคำมากนัก โดยเบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน ทั้งนี้ เนื่องจากภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการดิ่งลงของสินทรัพย์เสี่ยงมีส่วนในการกระตุ้นแรงซื้อทองคำ หลังจากเศรษฐกิจจีนผันผวนมากขึ้น ความเปราะบางของตลาดหุ้นและราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งตัวลง ประกอบกับการคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะไม่สามารถทำตามที่เคยประกาศไว้ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25 % เป็นจำนวน 4 ครั้งในปี 2016 เนื่องจากความแตกต่างด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางอีกหลายแห่งที่พยายามจะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับอ่อนแอยิ่งลดโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 15-16 มีนาคมศกนี้ ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงซื้อเข้ามาตลาดทองคำอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จากผลการประชุมของเฟดประจำเดือนมกราคม 2559 ระบุว่าเฟดมีมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐในแนวโน้มเติบโตปานกลางและตลาดแรงงานมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งเฟดกำลังจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลกอย่างใกล้ชิด แสดงให้เห็นว่าเฟดก็ยังไม่ได้ตัดโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมเช่นกัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรทองคำสลับออกมาและสร้างแรงกดดันต่อการขยับขึ้นของราคาทองคำ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ถึงเทศกาลตรุษจีนนักลงทุนสามารถซื้อขายเก็งกำไรจากการแกว่งตัวของราคา โดยสามารถเข้าซื้อทองคำหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,085-1,060 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ ประมาณ 18,400-18,000 บาทต่อบาททองคำ และไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง แต่ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,160-1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ ประมาณ 19,600-20,300 บาทต่อบาททองคำ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง นางพวรรณ์กล่าวว่า ภาพรวมของราคาทองคำในตลาดโลกจากต้นปีนี้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2559 ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 56.93 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 5.37% จากราคาปิดของปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการแกว่งตัวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงประมาณ 67.56 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ คิดเป็น 6.08 % โดยราคาไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,127.80ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 550 บาทต่อบาททองคำ หรือ 3.00% เทียบกับราคาปิดของปีที่ผ่านมา ขณะที่แกว่งตัวในระดับ 750 บาทต่อบาททองคำ หรือ 3.97% จะเห็นได้ว่าปรับตัวขึ้นน้อยกว่าราคาทองคำในตลาดโลกอยู่บ้างจากการแข็งค่าของค่าเงินบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ