กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--กรุงเทพประกันภัย
"กรุงเทพประกันภัย" ปรับนโยบายรุกงานประกันรถยนต์ จากเดิมที่เน้นอัคคีภัยเป็นด้านหลักมานาน เผยแม้กำไรน้อยแต่มั่นใจคุมต้นทุนได้ และพร้อมใช้เป็นตัวต่อยอดเพื่อขยายฐานลูกค้าจับงานอื่นไปด้วย ส่งผลกำไรปี'42 จากการรับประกันรถยนต์พุ่งพรวดจาก 22 ล้านเพิ่มเป็น 170 ล้าน นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับนโยบายด้วยการหันมารับประกันรถยนต์มากขึ้น จากเดิมที่เน้นการรับประกันทางด้านอัคคีภัยเป็นหลักมาเป็นเวลานาน เนื่องจากบริษัทได้ขยายสาขาและสำนักงานไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถให้บริการผู้เอาประกันได้กว้างขวางกว่าเดิม และแม้ว่าการรับประกันรถยนต์จะมีกำไรน้อย แต่บริษัทจะเลือกกลุ่มลูกค้าประเภทที่มีกำไร นอกจากนี้บริษัทจะใช้การประกันรถยนต์เป็นตัวนำเพื่อให้ได้งานประกันประเภทอื่นตามมา เป็นการขยายฐานลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง
"เดิมที่เราไม่เน้นการประกันรถเนื่องจากมีกำไรหรือมาร์จิ้นน้อย มีอัตราความเสียหายค่อนข้างสูงกว่า 70-80% ประกอบกับช่วงนั้นบริษัทยังไม่ได้ขยายสาขาไปต่างจังหวัดมาก จึงทำให้ไม่กล้ารับประกันรถยนต์ ประกอบกับปี 2542 ธุรกิจประกันภัยเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายลง ทำให้เสียภาษีถูกกว่า" นายชัยกล่าว
นอกจากนี้หลังค่าเงินบาทลอยตัว เดิมบริษัทประเมินว่าค่าอะไหล่จะแพงขึ้น แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาไม่เพิ่มเท่าไร เพราะมีการเอาอะไหล่จากไต้หวันเข้ามา หรือบางส่วนผลิตเองได้ในประเทศ ขณะที่อู่รถก็ไม่กล้าขึ้นราคาค่าแรง ค่าสี เพราะกลัวงานจะลดลงหากขึ้นราคา ทำให้เราหันมารับประกันรถยนต์ได้ เพราะสามารถคุมต้นทุนได้" นายชัยกล่าว
นายชัยยังกล่าวอีกว่าในส่วนของการไปลงทุนในแถบประเทศอาเซียนนั้น ที่ไปลงทุนในขณะนี้คือที่ประเทศกัมพูชา ในรูปของสำนักงานสาขาเป็นการร่วมทุนระหว่างนักลงทุนจากฮ่องกงซึ่งตั้งโรงงานอยู่ที่นั่น กรุงเทพประกันภัยและนักธุรกิจท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม เรื่องการลงทุนของบริษัทต่างชาติในกัมพูชานั้น ขณะนี้รัฐบาลของกัมพูชากำลังร่างกฎหมายอยู่ ซึ่งในทางกฎหมายแล้วยังไม่คิดว่าเป็นสำนักงานของบริษัทประกันภัย เพราะกฎหมายยังไม่เรียบร้อย แต่รัฐบาลเขาให้รับประกันได้ โดยที่กัมพูชาเมื่อปีที่ผ่านมามีเบี้ยประกันภัยรับแค่ 30 ล้านบาทเท่านั้นส่วนที่เวียนามและพม่านั้นกำลังหาพันธมิตรอยู่
รายงานข่าวจากบริษัทกรุงเทพประกันภัยเปิดเผยว่า ในปี 2542 ที่ผ่านมาบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับอัคคีภัย 1,309 ล้านบาท ลดลงจากปี 2541 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับ 1,549.1 ล้านบาท ลดลงไป 15.5% ขณะที่การประกันรถยนต์เพิ่มขึ้นจาก 1,711.3 ล้านบาทในปี 2541มาเป็น 1,804.4 ล้านบาทในปี 2542 เพิ่มขึ้น 5.4% และทำให้กำไรจากการรับประกันภัยรถยนต์ในปี 2542 เพิ่มขึ้นถึง 171.6 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2541 ที่มีกำไรแค่ 22.6 ล้านบาทเท่านั้น หรือเพิ่มขึ้นถึง 659.3% อย่างไรก็ตามกำไรจากการรับประกันอัคคีภัยยังมีสัดส่วนที่มากที่สุดกว่า 51.36%--จบ--
-สส-