กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--แอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง
บริษัท แอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง จำกัด บริษัทที่ปรึกษาทางด้านกลยุทธ์ระดับชั้นนำของโลก ได้ประกาศขยายการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างเต็มตัว ภายหลังจากที่ได้เข้ามาเปิดสำนักงานในไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2541 ด้วยพนักงานเพียง 2 คน ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานทั้งชาวไทย และต่างชาติรวมทั้งสิ้น 20 คน
แอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์เกี่ยวกับการทำธุรกิจ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การควบกิจการ การเข้าซื้อกิจการ และการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยสำนักงานในกรุงเทพฯ จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่ สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง โอคแลนด์ เมลเบอร์น และซิดนีย์
มร.เอียน เอเวนส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการ บริษัทแอล.อี.เค. คอนซัลติ้งทั่วโลก กล่าวว่า บริษัทได้ให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าที่อยู่ในภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ตลอดจนภาคเอกชนที่มีขนาดแตกต่างกัน โดยการปรับใช้แนวทางการวิเคราะห์ที่เหมาะสม และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้องค์กรต่างๆ มีสมรรถนะในการทำงานที่สูงขึ้น และสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี
“การตัดสินใจขยายการดำเนินธุรกิจของบริษัทในไทยครั้งนี้ เนื่องจากเราเห็นว่า ภาครัฐ และภาคเอกชนของไทยเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารทางด้านกลยุทธ์ และขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อให้องค์กรของตนมีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวได้”
ทั้งนี้ แอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง มีทีมงานให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาทั่วโลก ที่มีความสามารถสอดคล้องกับข้อกำหนดทางด้านเทคนิค ตรรกวิทยา และหลักการทำงานของงานในแต่ละประเภท
มร.ชาราด แอพเต้ ผู้จัดการร่วมประจำประเทศไทย บริษัทแอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง กล่าวเสริมว่า แอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความคล่องตัวในการทำงาน ด้วยเครือข่ายของบริษัทที่มีอยู่ทั่วโลก ทำให้บริษัทสามารถจัดตั้งทีมงานที่มีประสบการณ์อันเหมาะสม เพื่อรับผิดชอบงานแต่ละประเภทได้ภายในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งสามารถระดมความรู้ความชำนาญในอุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดจนข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาปรับใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อให้บริการที่ถูกต้อง และรวดเร็ว สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทตระหนักดีว่า ไม่มีรูปแบบ และแนวทางการทำงานใดที่สามารถนำมาปรับใช้โดยทั่วไป หรือกับลูกค้าทุกรายได้
“เราทำงานร่วมกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ การพิจารณาถึงปัญหา และโอกาสที่เกิดขึ้น ตลอดจนการพิจารณา และวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามความคืบหน้าของงาน และประเมินเป้าหมายของโครงการ ตลอดจนปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินงานตามความเหมาะสมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” มร.ชาราด แอพเต้ กล่าว
สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยที่ผ่านมา แอล.อี.เค คอนซัลติ้ง ได้ทำงานสำคัญต่างๆ อาทิ การพิจารณามูลค่าของผู้ถือหุ้นให้แก่บริษัทพัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ และพลังงานชั้นนำของไทย การจัดโครงการอบรมผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการสร้างมูลค่าของผู้ถือหุ้น การพิจารณากลยุทธ์ในการรุกตลาดในระดับภูมิภาค ด้วยธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในระดับบีทูบีของบริษัทไทย ตลอดจนการประเมินสภาวะตลาด และกลไกการแข่งขันในไทยให้กับบริษัทต่างชาติอีกหลายราย
ปัจจุบัน แอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานผลการศึกษาความได้เปรียบในการแข่งขันของไทยในตลาดโลกให้กับคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับบริษัท บูซ อัลเลน แอนด์ แฮมิลตัน จำกัด ในโครงการพัฒนากลยุทธ์การปฏิบัติงาน ภายหลังการแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.)
แอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง มีความรู้ความชำนาญในการพัฒนา และจัดทำรูปแบบการประกอบธุรกิจที่ทันสมัย และกลยุทธ์การบริหารที่เพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว เพื่อให้บริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทสามารถเพิ่มมูลค่า และสมรรถนะในการทำงาน ทั้งทางด้านการวางกลยุทธ์ การเงิน การปฏิบัติงาน และการบริหารองค์กร
มร.บ็อบ นีโพล ผู้จัดการร่วมประจำประเทศไทย บริษัทแอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง กล่าวเสริมว่า “บริษัทได้ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์แก่บริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่อยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ ผลกระทบจากการลดค่าเงินบาทผนวกกับแนวโน้มการเปิดเสรีทางการค้า และการดำเนินงานที่โปร่งใส ได้ส่งผลให้ผู้บริหารของไทยหลายรายหันมาพิจารณาทบทวนแนวทางการประกอบธุรกิจของตน โดยได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และกระบวนการทำธุรกิจที่มุ่งเน้นพัฒนาสมรรถนะในการทำงาน ตลอดจนมีหลักการที่ชัดเจน และมีแผนการดำเนินงานในระยะยาว”
บริษัทแอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางด้านกลยุทธ์ในระดับชั้นนำของโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2526 ปัจจุบันบริษัทมีสำนักงานอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก 15 แห่ง และพันธมิตร 46 ราย รวมทั้งพนักงานประจำอยู่ทั่วโลก จำนวน 450 คน--จบ--
-สส-