พีคสตรอเรจ ผู้นำเข้า จำหน่าย ติดตั้งระบบชั้นจัดเก็บ ชั้นวางสินค้า ในคลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ส่องเศรษฐกิจไทยไม่หวือหวา แต่ภาคโลจิสติกส์ยังขยายตัวดี กางแผนปี 59

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 12, 2016 09:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--Worklink PR พีคสตรอเรจ ผู้นำเข้า จำหน่าย ติดตั้งระบบชั้นจัดเก็บ ชั้นวางสินค้า ในคลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ส่องเศรษฐกิจไทยไม่หวือหวา แต่ภาคโลจิสติกส์ยังขยายตัวดี กางแผนปี 59 รุกทำตลาดใน-นอกประเทศ เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมและคลังสินค้าเต็มสูบ ล่าสุดเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บสินค้าด้วยระบบ Warehouse Solutions รองรับการก้าวสู่เศรษฐกิจ 4.0 ตั้งธงยอดขายรวมปี 59 โต 150 ล้านบาท นางศศิวรรธน์ วิทยาจักษุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พีค สตรอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด (PEAK) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบชั้นจัดเก็บ ชั้นวางสินค้า ตู้สินค้า ตู้สำนักงาน พาเลท และกันชนเสา ในโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร พร้อมบริการออกแบบติดตั้งชั้นวางสินค้า ระบบคลังสินค้า และก่อสร้างคลังสินค้า และตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Dexion ( เด้กเชี่ยน) / Rack Amour ( แรค อาเม่อร์) / Bruynzeel (บรุนเซล) / CAEM (เคม) เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัวแบบไม่หวือหวามากนัก แต่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ยังทรงตัวอยู่ได้ เนื่องจากยังมีความต้องการในประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาพรวมการลงทุนด้านโลจิสติกส์ของภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียนในช่วงครึ่งปีหลังจะมีสัญญาณการลงทุนที่เป็นบวก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีชั่นของการลงทุนที่นักลงทุนจะเริ่มมองหาพื้นที่การลงทุนใหม่ ขณะที่นโยบายของภาครัฐก็มีการส่งเสริมการลงทุน หรือขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม จึงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ประเทศไทยและประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียนมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามไปด้วย ขณะเดียวกันบริษัทมองว่าการเปิด AEC จะทำให้เกิดความคึกคักด้านการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศลาว ซึ่งถือเป็นประเทศของตลาดแรงงานเกิดใหม่ จึงทำให้การลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนเกี่ยวกับโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากกลุ่ม AEC จึงได้มีการขยายตลาดเข้าไปจำหน่ายสินค้าและบริการออกแบบติดตั้งงานที่ประเทศลาว เบื้องต้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่ม AEC (มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ลาว) อยู่ประมาณ 5% "การขยายตัวของภาคโลจิสติกส์และภาคอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการขยายฐานลูกค้าและการให้บริการ โดยบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ด้านการขายและบริการในทุกๆด้านแบบครบวงจร ซึ่งการยกระดับมาตรฐานการให้บริการจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์โดยรวม โดยจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น"นางศศิวรรธน์ กล่าว ทั้งนี้จากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี หรือ เศรษฐกิจ 4.0 บริษัทได้มีการนำนวัตกรรมใหม่ระดับโลก เพื่อใช้สำหรับจัดเก็บสินค้าด้วยระบบ Warehouse Solutions โดยบริษัทได้เปิดตัวรางเลื่อน Auto Shuttle ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดพื้นที่ ปลอดภัย พร้อมทั้งสามารถเก็บพาเลททางด้านลึกได้มากขึ้นถึง 60 เมตร และสามารถใช้ได้ทั้ง FIFO และ LIFO นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดตัวตู้เก็บข้อมูล Bruynzeel ที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับจัดเก็บข้อมูลเอกสารต่างๆให้เป็นระบบ เพื่อการหาข้อมูลสามารถทำได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องการใช้งาน ซึ่งการเปิดตัวนวัตกรรมดังกล่าว ก็เพื่อรองรับการขยายตัวของระบบโลจิสติกส์ และตอบโจทย์ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆและผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ ให้สามารถลดต้นทุน ประหยัดพื้นที่ภายในคลังสินค้าทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในระยะกลางและระยะยาว "ในปีนี้เราคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ 150 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะเน้นการให้บริการเพิ่มมากขึ้น เป้าหมายในปีนี้ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่วนปี 58 บริษัททำรายได้รวม 72 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทจะเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าเดิม และแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ พร้อมกับสร้างมูลค่าเพิ่มจากงานบริการเป็นหลัก เพื่อเป็นการสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า"นางศศิวรรธน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ