สรุปสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ผลกระทบและการให้ความช่วยเหลือ วันที่ 18 มกราคม 2560 เวลา 15.00 น.

ข่าวทั่วไป Monday January 23, 2017 11:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถานการณ์อุทกภัย ช่วงภัยวันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงปัจจุบัน เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจังหวัด นราธิวาส ปัตตานี ยะลา พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมและการให้ความช่วยเหลือน้ำท่วมในพื้นที่ ณ วันที่ 18 ม.ค. 60 มีพื้นที่น้ำท่วมรวม 10 จังหวัด และเข้าได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ดังนี้ 1. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่น้ำท่วม สถานการณ์ในพื้นที่เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่ง การช่วยเหลือ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 6 เครื่อง บริเวณทั้งด้านหน้าและด้านท้ายโรงพยาบาลบางสะพาน ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง ขนาด 5 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง และขนาด 3 นิ้ว จำนวน 2 เครื่องอย่างไรก็ตาม ยังคงไม่ถอนเครื่องสูบน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์กรณีฝนตกในช่วงวันที่ 16 – 20 มกราคม 2560 2. จังหวัดชุมพร พื้นที่น้ำท่วม มีน้ำท่วมถนนสายเอเชียเมื่อคือที่ผ่านมา (17 ม.ค. 60) สูงประมาณ 0.30 – 0.40 เมตร ปัจจุบันเข้าสู่ภาวะสภาวะปกติ ส่วนที่คลองชุมพรบริเวณสี่แยกปฐมพร ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น เมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ม.ค.60) ขณะนี้มีระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 0.10 เมตร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำ ในวันนี้ (18 ม.ค. 60) คาดว่าระดับน้ำจะสูงกว่าระดับถนนประมาณ 0.21 เมตร เวลาประมาณ 08.00 น. และจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายในเวลา 12.00 น. การช่วยเหลือ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 5 เครื่อง และเตรียมเครื่องสูบน้ำจำนวน 10 เครื่อง เพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไปยังคงไม่ถอนเครื่องสูบน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์กรณีฝนตกในช่วงวันที่ 16 – 20 มกราคม 2560 3. จังหวัดสุราษฏร์ธานี พื้นที่น้ำท่วม ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำอำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเมือง อำเภอดอนสัก และอำเภอบ้านนาเดิม การคาดการณ์ อำเภอพระแสง ระดับน้ำสูงสุด สูงกว่าระดับตลิ่ง 1.42 เมตร ในวันที่ 10 ม.ค. 60 ปัจจุบันวันที่ 18 ม.ค. 60 เวลา 6.00 น. ระดับน้ำลดลงต่ำกว่าระดับตลิ่ง 0.54 เมตร มีแนวโน้มลดลง อำเภอเคียนซา ระดับน้ำสูงสุด สูงกว่าระดับตลิ่ง 1.88 เมตร ในวันที่ 12 ม.ค. 60 ปัจจุบันวันที่ 18 ม.ค. 60 เวลา 6.00 น. ระดับน้ำลดลงแต่ยังสูงกว่าระดับตลิ่ง 0.80 เมตร แนวโน้มลดลง คาดว่าระดับน้ำจะลดลงต่ำกว่าตลิ่งในวันที่ 20 ม.ค. 60 อำเภอพุนพินระดับน้ำยังสูงกว่าตลิ่ง 0.18 เมตร (เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลหนุนในบางช่วงเวลา) แต่ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจในเขตเทศบาลเมืองท่าข้าม อำเภอเมือง ระดับน้ำต่ำกว่าระดับตลิ่งไม่มีผลกระทบ การช่วยเหลือ โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี ได้เร่งผลักดันน้ำ ตัดยอดน้ำออกสู่ทะเลทางคลองพุนพิน เพื่อลดปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขตอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และได้ติดตั้ง เครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 10 เครื่อง ที่ ปตร.คลองท่าโพธิ์ 2 เครื่อง ปตร. ไชยา 2 เครื่องและคลองบางกล้วยใหญ่ 6 เครื่อง พร้อมทั้งดำเนินการตามข้อสั่งการ รมว.กษ. โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือ สนับสนุนเรือผลักดันน้ำ จำนวน 26 ลำ ดำเนินการติดตั้งบริเวณสะพานพระจุลฯจำนวน 16 เครื่อง และบริเวณสะพานพุนพิน จำนวน 10 เครื่อง 4. จังหวัดตรัง พื้นที่น้ำท่วม ปัจจุบันแม่น้ำตรังลดลง พื้นที่ส่วนใหญ่เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงเหลือน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำปากแม่น้ำอำเภอกันตัง การคาดการณ์ อำเภอเมือง ระดับน้ำสูงสุดสูงกว่าระดับตลิ่ง 1.11 เมตร ในวันที่ 9 ม.ค.60 ปัจจุบันวันที่ 17 ม.ค. 60เวลา 6.00 น. ระดับน้ำต่ำกว่าระดับตลิ่ง 1.10 ม. อำเภอกันตัง น้ำท่วม พื้นที่ลุ่มต่ำปากแม่น้ำ ไม่มีผลต่อพื้นที่เศรษฐกิจ การช่วยเหลือ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 9 เครื่องในเขตอำเภอเมืองและเตรียมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ ในเขตอำเภอเมืองจำนวน 9 เครื่อง เพื่อเร่งการระบายน้ำออกจากพื้นที่อำเภอเมืองตรัง ซึ่งปริมาณน้ำนี้จะไหลลงสู่อำเภอกันตัง ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณปากแม่น้ำตรัง ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ก่อนจะไหลลงสู่ทะเลต่อไปอีกทั้งได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลืออุทกภัย ได้แก่ รถขุด จำนวน 2 คัน และรถบรรทุก จำนวน 2 คันและเตรียมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ ในเขตอำเภอเมืองจำนวน 10 เครื่อง 5. จังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่น้ำท่วม สถานการณ์น้ำท่วมในเขตอำเภอชะอวด เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังตอนล่าง ยังคงมีน้ำท่วมในที่ลุ่มต่ำก่อนออกสู่ทะเล ปัจจุบันมีปริมาณน้ำคงเหลือในพื้นที่ประมาณ 280 ล้านลบ.ม. เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 20 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากมีนตกในพื้นที่ การคาดการณ์ สภาพน้ำท่าในคลองสายหลักในพื้นที่ด้านล่าง บริเวณออกสู่ทะเล จะมีแนวโน้มเริ่มทรงตัว รอการระบายออก พื้นที่ลุ่มต่ำยังคงมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ การช่วยเหลือ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำจำนวน 108 เครื่อง แยกเป็น โครงการชลประทานนครศรีธรรมราช จำนวน 3 เครื่อง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครศรีธรรมราช จำนวน 29 เครื่อง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังบน จำนวน 4 เครื่อง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังล่าง จำนวน 72 เครื่องติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 70 เครื่อง แยกเป็น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครศรีธรรมราช จำนวน 6 เครื่อง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังบน จำนวน 4 เครื่อง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังล่าง จำนวน 60 เครื่อง เครื่องจักรเปิดทางน้ำ จำนวน 1 คัน รถขุดแบคโฮ จำนวน 2 คัน เครื่องปั่นไฟ จำนวน 1 เครื่อง รถบรรทุกขนเครื่องจักร จำนวน 1 คัน รถบด จำนวน 1 คัน ช่วยเหลือที่โครงการอ่างเก็บน้ำคลองดินแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอพิปูน และได้รับการสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยจำนวน 70 เครื่องจากกองทัพเรือติดตั้งบริเวณปตร.ชะอวด-แพรกเมืองจำนวน 30 เครื่อง และปตร.ฉุกเฉิน จำนวน 20 เครื่องเพื่อเป็นการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตร คลองระบายน้ำของกรมชลประทาน และคลองธรรมชาติ 6. จังหวัดพัทลุง พื้นที่น้ำท่วม มีพื้นที่น้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.ควนขนุน อ.ปากพะยูน อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว ปัจจุบันระดับน้ำในลำน้ำสายหลักลดลงเข้าสู่สภาวะปกติ การช่วยเหลือ โครงการชลประทานพัทลุง ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาด ๘ นิ้ว จำนวน ๕ เครื่อง และเครื่องสูบน้ำขนาด ๑๒ นิ้ว จำนวน ๑ เครื่อง ทั้งนี้ได้แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด 7. จังหวัดสงขลา พื้นที่น้ำท่วม มีพื้นที่น้ำท่วม ทั้งหมด 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ระโนด อ.กระแสสินธุ์ อ.สทิงพระ และอ.สิงหนคร จ.สงขลา ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร ปัจจุบันระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องและระดับน้ำในพื้นที่จะขึ้นตามรอบการขึ้น - ลงจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนในบางช่วงเวลา การคาดการณ์ ปริมาณฝนลดลง ส่วนปริมาณน้ำในพื้นที่เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีฝนตก คาดการณ์ว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติประมาณ 1-2 วัน การช่วยเหลือ บริหารจัดการน้ำโดยใช้คั้นกั้นน้ำกระแสสินธุ์และอาคารชลประทานเช่น ประตูระบายน้ำ ท่อระบายน้ำ พร้อมสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน 4 เครื่อง สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 4 สถานี เครื่องผลักดันน้ำ 11 เครื่อง ออกจากพื้นที่การเกษตร บ้านเรือน จากคลองระโนด คลองพลเอกอาทิตย์กำลังเอก และคลองสาขาไปสู่ทะเลสาบสงขลาและทะเลอ่าวไทยพร้อมทั้งได้มีการติดตั้งสะพานแบรี่ขนาดกว้าง 3.15 ม.ยาว 15 ม.รับน้ำหนักได้ 40 ตัน เพื่อใช้ในการสัญจรที่คลองโคกทอง ต.ระโนด อ.ระโนด จ.สงขลา 8. จังหวัดนราธิวาส - ลุ่มน้ำโก-ลก จ.นราธิวาส สถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ - ลุ่มน้ำบางนรา จ.นราธิวาส สถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ - ลุ่มน้ำสายบุรี ในเขตจ.นราธิวาส สถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ การช่วยเหลือโครงการชลประทานนราธิวาสได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง และขนาด 12 นิ้ว 4 เครื่อง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโก-ลก สนับสนุนเครื่องสูบน้ำในเขตโครงการ ขนาด 8 นิ้ว 5 เครื่อง และขนาด 10 นิ้ว 1 เครื่อง กับสูบน้ำด้วยสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าจำนวน 6 สถานี เพื่อช่วยระบายน้ำในพื้นที่ และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางนรา สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาด 12 นิ้ว 1 เครื่อง 9. จังหวัดยะลา ลุ่มน้ำปัตตานี จ.ยะลา สถานการณ์อยู่ในสภาวะปกติ การช่วยเหลือโครงการชลประทานยะลา ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาด 12 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง 10. จังหวัดปัตตานี ลุ่มน้ำปัตตานีจ.ปัตตานี สถานการณ์อยู่ในสภาวะปกติ การช่วยเหลือเฉพาะหน้า 1) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระราชทานหญ้าแห้ง จำนวน 80,000 กิโลกรัม โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครราชสีมา 50,000 กิโลกรัม อยู่ระหว่างจัดส่งลงพื้นที่ และจากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สตูล 30,000 กิโลกรัม เริ่มแจกจ่ายให้เกษตรกรแล้วในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พัทลุง สงขลา กรมปศุสัตว์ - แจกเสบียงสัตว์แล้ว 547,363 กิโลกรัมและอาหารสำเร็จรูป 180,140 กิโลกรัม 40 ถุง - อพยพสัตว์ 933,366 ตัว รักษาสัตว์ 14,251 ตัว และสร้างเสริมสุขภาพสัตว์ 7,170 ตัว - จัดสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางและหน่วยงานนอกพื้นที่ 160 คน ยานพาหนะในการขนส่งเสบียงสัตว์ วัสดุอุปกรณ์ 35 คัน เรือ 5 ลำ - สนับสนุนอาหารแห้ง เครื่องดื่ม นม 1,869 ลัง ถุงยังชีพ 500 ชุด - เต็นท์/คอกสัตว์เคลื่อนที่ 31 ชุด 2) กรมชลประทาน - สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 152 เครื่อง - เครื่องผลักดันน้ำ 87 เครื่อง - สูบน้ำด้วยสถานีสูบน้ำไฟฟ้า 10 สถานี 3) กรมวิชาการเกษตร โดยสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรและศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ภาคใต้ช่วยเหลือปัจจัยยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 920 ชุด 4) กรมประมง - นำเรือตรวจการประมงขนาด 15 ฟุต จำนวน 50 ลำ ออกช่วยเหลือราษฎรและร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ แจกจ่ายถุงยังชีพในพื้นที่ประสบอุทกภัย - เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 60 ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคใต้ (สฎ) กองตรวจการประมง ร่วมกับ สนง.ประมงจังหวัดนครศรีฯ และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ทุ่งท่าลาด จับจระเข้เพศเมียขนาดเกิน 5 เมตร หนักประมาณ 1 ตัน ชื่อน้องนาเดีย ที่ได้หลุดออกจากกรงเลี้ยงของสวนสัตว์มาหลายวัน ที่บริเวณคลองท่าแพ ม.9 ต.ปากพูน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการจับมัดและส่งมอบคืนแก่สวนสัตว์ทุ่งท่าลาดเพื่อดำเนินการดูแลต่อไป ส่วนจระเข้อีกตัวที่จับได้ ที่ ม.9 ต.ปากพูน วันนี้ เป็นจระเข้จากกรงทุ่งท่าลาด เทศบาล ชื่อเจ้ายักษ์ ขนาดยาว 3.55 เมตร ได้เคลื่อนย้ายมาอยู่ในกรงจระเข้ ทุ่งท่าลาด เช่นเดียวกัน 5) กรมส่งเสริมสหกรณ์ สนับสนุนน้ำดื่ม 1,290 โหล ถุงยังชีพ 9,403 ชุด ข้าวกล่อง 13,450 กล่อง ไข่ไก่ 11,500 ฟอง กล้วยหอมทอง 2,625 ลูก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร 25,553 ราย 6) กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ส่งเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 5 ลำ เพื่อปฏิบัติภารกิจส่งเสบียง อาหารแห้งและน้ำดื่มให้กับ ประชาชนและเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย และสำรวจพื้นที่เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการผันน้ำออกจากพื้นที่และการอพยพสัตว์ 7) กรมพัฒนาที่ดิน ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่น้ำท่วมขังและน้ำเน่าเสีย ในเขตชุมชนและพื้นที่การเกษตร พร้อมเก็บตัวอย่างน้ำเน่าเสียไปวิเคราะห์ และคำนวณพื้นที่ปริมาณที่น้ำเน่าเสีย ตลอดจนปฏิบัติการฟื้นฟูพื้นที่น้ำเน่าเสียด้วยน้ำหมักพด.6 ผลกระทบด้านการเกษตรพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 59 – ปัจจุบัน (ณ วันที่ 18 ม.ค. 60 ณ เวลา 15.00 น.) พื้นที่ประสบภัย 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง สุราษฎร์ธานี นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา และประจวบคีรีขันธ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ