กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กระทรวงแรงงาน แนะรัฐวิสาหกิจน้อมนำศาสตร์พระราชาตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์สร้างหลักประกันอนาคตพร้อมบรรเทาความเดือดร้อนให้พนักงานรัฐวิสาหกิจ
พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ว่า ในการประชุมคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคมที่ผ่านมา ที่ประชุมได้เห็นพ้องกันในการน้อมนำศาสตร์พระราชาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงมีพระราชดำรัสด้านการสหกรณ์และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดสวัสดิการด้านเศรษฐกิจให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจในรูปแบบของสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งประโยชน์ต่อพนักงาน ในการสร้างเสริมวินัย มีเหตุผล รู้จักพอประมาณในการใช้จ่ายและเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการออมซึ่งเป็นหลักประกันในอนาคตให้กับพนักงาน รวมถึงกรณีที่มีความขัดสนเรื่องค่าใช้จ่ายก็สามารถจะกู้ยืมเงินผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกันและเสียดอกเบี้ยในอัตราถูกซึ่งจะเป็นหนทางในการป้องกันปัญหาการกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบให้กับพนักงานฯ
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ในฐานะเลขาคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีรัฐวิสาหกิจรวม ๖๔ แห่ง มีการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในรัฐวิสาหกิจแล้ว จำนวน ๔๔ สหกรณ์ จากรัฐวิสาหกิจ ๓๔ แห่ง มีสมาชิกรวม ๒๕๐,๗๙๖ คน มีทุนเรือนหุ้นกว่า ๑ แสนล้านบาท การส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในรัฐวิสาหกิจจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อพนักงานฯทั้งในเรื่องของการออมซึ่งเปรียบเสมือนหลักประกันในอนาคต ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายหรือมีความเดือดร้อนด้านการเงินก็จะบรรเทาแก้ไขความเดือดร้อนหรือความจำเป็นนั้นได้ ทั้งนี้กสร. มีกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานซึ่งขณะนี้มีวงเงิน ๓๙๐ ล้านบาท ให้บริการแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการกู้ยืมเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ซึ่งได้ให้บริการเงินกู้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ รวม ๒๕๑ สัญญา เป็นเงินกว่า ๑,๙๐๐ ล้านบาท สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ฯกว่า ๒ แสนคน