กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา พัทลุง รวม 8 อำเภอ 59 ตำบล 395 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,919 ครัวเรือน 104,350 คน ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรเร่งสำรวจข้อมูลความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ควบคู่กับการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น รวมถึงฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ 30 มกราคม 2560 ส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีจังหวัดได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด รวม 129 อำเภอ 835 ตำบล 6,307 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 587,544 ครัวเรือน 1,815,618 คน ผู้เสียชีวิต 95 ราย ผู้สูญหาย 3 ราย ถนน 4,314 จุด คอสะพาน 348 แห่ง ท่อระบายน้ำ 270แห่ง ฝาย 126 แห่ง อ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง สถานที่ราชการเสียหาย 165 แห่ง โรงเรียน 2,336 แห่ง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 8 จังหวัด ได้แก่ ระนอง กระบี่ ตรัง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ยังคงมีสถานการณ์ใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา พัทลุง รวม 8 อำเภอ 59 ตำบล 395 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,919 ครัวเรือน 104,350 คน โดยนครศรีธรรมราช มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากพนัง อำเภอหัวไทร และอำเภอเชียรใหญ่ รวม 38 ตำบล 337 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 24,865 ครัวเรือน 83,981 คน ประชาชนอพยพ 35 ครัวเรือน 175คน ผู้เสียชีวิต 27 ราย สุราษฎร์ธานี มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพุนพิน และอำเภอบ้านนาเดิม รวม 8 ตำบล 18หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,725 ครัวเรือน 5,192 คน ผู้เสียชีวิต 15 ราย ถนน 143 สาย สงขลา มีสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอระโนด รวม 6 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,055 ครัวเรือน 10,110 คน ผู้เสียชีวิต 12 ราย ถนน 354 จุด สะพาน/คอสะพาน12 แห่ง พัทลุง มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนขนุน และอำเภอเมืองพัทลุง รวม 7 ตำบล 22 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,274 ครัวเรือน 5,067 คน ผู้เสียชีวิต 12 ราย ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งสาธารณประโยชน์ สถานที่ราชการ และซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค รวมถึงเส้นทางคมนาคมให้ใช้งานได้ตามปกติตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยที่ครอบคลุมทั้งด้านการดำรงชีพ ชีวิต และทรัพย์สินการประกอบอาชีพ และสิ่งสาธารณประโยชน์ อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ภาคใต้ตอนล่างมีฝนน้อย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานให้จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยเร่งระบายน้ำและผลักดันน้ำออกสู่ทะเล โดยให้คำนึงถึงปริมาณการใช้น้ำของประชาชนในพื้นที่ พร้อมสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง เพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตรอย่างเพียงพอ รวมถึงบูรณาการการเคลื่อนย้ายกำลังคนและวัสดุอุปกรณ์จากพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายไปประจำจุดที่สถานการณ์ยังวิกฤต โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำหรือสันดอนกลางน้ำ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ และจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยในการแก้ไขปัญหา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป