กระทรวงพาณิชย์ เปิดช่องบริษัทประกันลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจอื่น

ข่าวทั่วไป Friday December 14, 2001 15:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--กระทรวงพาณิชย์
รายงานข่าวจากระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้มีออกประกาศเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การลงทุนของบริษัทประกันชีวิตและของบริษัทประกันวินาศภัยในธุรกิจอื่น โดยเริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
สาระสำคัญของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ประกอบด้วย การเพิ่มและลดประเภทการลงทุน การปรับปรุงเงื่อนไขการลงทุนให้เหมาะสม สอดคล้องกับความเสี่ยง ตลอดจนการยินยอมให้มีการควบรวมกิจการ
จากหลักเกณฑ์ใหม่นี้ทำให้บริษัทประกันชีวิตและของบริษัทประกันวินาศภัยสามารถเพิ่มประเภทการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ได้ รวมถึงการนำอสังหาริมทรัพย์ที่รอการจำหน่าย อาทิ ที่ทำการบริษัทที่เลิกใช้แล้ว อสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทได้มาจากการชำระหนี้ ฯลฯ ออกหาผลประโยชน์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องคิดค่าเช่าตามราคาตลาด แต่ในขณะที่บริษัทจะต้องลดการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยที่มีวัตถุประสงค์ในการจำหน่ายนอกราชอาณาจักร เช่น Yankee Bond, Samuri Bond
สำหรับการปรับปรุงเงื่อนไขการลงทุนให้เหมาะสม ได้กำหนดให้บริษัทปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยง ได้แก่ ขยายสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ (ที่ไม่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน) จากเดิมไม่เกิน 10% ของ Issued Size เป็นไม่เกิน 50% ของ Issued Size และเมื่อรวมทั้งสิ้นเดิมไม่เกิน 20% ของทรัพย์สินบริษัทเป็นไม่เกิน 40% ของทรัพย์สินบริษัท และลดสัดส่วนการให้กู้ยืมโดยมีทรัพย์สินทำจำนองเป็นประกัน ลงจากเดิมรวม ทุกรายไม่เกิน 30% ของทรัพย์สินบริษัท เป็นไม่เกิน 20% ของสินทรัพย์บริษัทและลดสัดส่วนการกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยลงจากเดิมรวมทุกรายไม่เกิน 35% ของทรัพย์สินบริษัท เป็นไม่เกิน 25% ของทรัพย์สินบริษัท นอกจากนี้ยังเพิ่มเงื่อนไขว่ารวมการกู้ยืม 2 ประเภทข้างต้นทุกรายจะต้องไม่เกิน 35% ของทรัพย์สินบริษัทด้วย อย่างไรก็ดีได้ขยายวงเงินการให้กู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยต่อรายจากเดิมให้กู้ได้ไม่เกิน 5 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 10 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังได้กำหนดให้มี การปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่มีความเสี่ยงต่ำให้สามารถลงทุนได้สูงขึ้น ได้แก่ หุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ A ขึ้นไป ให้บริษัทสามารถลงทุนได้ 20% Issued Size และห้ามลงทุนในหุ้นกู้ที่ไม่มีการจัดอันดับ (เดิมลงทุนได้ 10% ของ Issued Size) สำหรับหุ้นกู้มีประกันบริษัทสามารถลงทุนได้ถึง 50% ของ Issued Size รวมถึงการปรับสัดส่วนการพิจารณาของหุ้นและหุ้นกู้ออกจากกัน เนื่องจากหุ้นกับหุ้นกู้เป็นตราสารต่างประเภทกัน ความเสี่ยงจึงแตกต่างกัน หลักเกณฑ์เดิมกำหนดให้บริษัทลงทุนในหุ้น หุ้นกู้รวมกันไม่เกิน 30% ของทรัพย์สินบริษัท ได้ปรับปรุงใหม่เป็นลงทุนในหุ้นทั้งสิ้นไม่เกิน 20% ของทรัพย์สินบริษัท และลงทุนในหุ้นกู้ทั้งสิ้นไม่เกิน 20% ของทรัพย์สินบริษัท และลดการลงทุนที่อาจก่อให้เกิดการกระจุกตัวของทรัพย์สินลงทุนจากการใช้เงินกองทุนส่วนเกินในส่วน 25% หลัง ซึ่งจะทำให้บริษัทประกันชีวิต สามารถลงทุนได้โดยไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
ขณะเดียวกัน ยังเปิดโอกาสให้บริษัทประกันชีวิต สามารถลงทุนในหุ้นกู้และตั๋วเงินที่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมไทย หรือ IFCT ออก เนื่องจาก IFCT ได้ยกฐานะเทียบเท่ากับรัฐวิสาหกิจ
การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวยังครอบคลุมถึง การปรับปรุงเพื่อส่งเสริมระบบ Corporate Governance ให้เกิดขึ้นในบริษัท โดยมุ่งเน้นระบบการตรวจสอบ และควบคุมภายในที่ดี ตลอดจนห้ามซื้อหุ้น หุ้นกู้ หน่วยลงทุน หรือให้กู้ยืมแก่นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทในลักษณะที่เป็นความสัมพันธ์เชิงการถือหุ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการควบรวมกิจการ ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยสามารถควบรวมกิจการได้ และสามารถซื้อหุ้นบริษัทอื่นเกินกว่าอัตราที่กฏหมายกำหนดได้หากได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนด--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ