อินเทลสร้างรายได้ประจำไตรมาสแรก มูลค่า 8,000 ล้านเหรียญ

ข่าวทั่วไป Tuesday April 25, 2000 17:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--Shandwick International (Thailand)
กำไรก่อนการหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการซื้อกิจการ* 0.88 เหรียญต่อหุ้น กำไรสุทธิ 0.78 เหรียญต่อหุ้น โดยกำไรทั้งสองรายการนี้รวมผลประโยชน์ด้านภาษี 0.17 เหรียญต่อหุ้น
กรุงเทพฯ, 25 เมษายน 2543 - อินเทล คอร์ปอเรชั่น ประกาศรายได้ประจำไตรมาสที่หนึ่งเป็นจำนวนเงิน 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือสูงขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปี 2542 และลดลงร้อยละ 2 จากไตรมาสที่ 4 ของปี 2542
* ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อกิจการประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการพัฒนาที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการซื้อกิจการ และการตัดจำหน่ายมูลค่าของชื่อเสียงและสินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่น ๆ ที่ตัดบัญชีหนเดียว ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนในการซื้อกิจการ ได้แก่ มูลค่าของเทคโนโลยีที่บริษัทนั้น ๆ กำลังพัฒนาอยู่ เครื่องหมายผลิตภัณฑ์ และบุคลากรที่บริษัทนั้น ๆ มีอยู่ รายได้ก่อนการหักค่าใช้ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการจะต่างจากรายได้ที่นำเสนอตามหลักบัญชีทั่วไป ทั้งนี้เนื่องจากรายได้ตามหลักบัญชีจะยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายส่วนนี้ออก
สำหรับไตรมาสที่หนึ่งนี้ อินเทลมีรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการ รวมทั้งสิ้น 3,100 ล้านเหรียญ สูงกว่าไตรมาสที่หนึ่งในปี 2542 ร้อยละ 52 และสูงขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สี่ของปี 2542 กำไรต่อหุ้นก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการของไตรมาสที่หนึ่ง มีมูลค่า 0.88 เหรียญ สูงขึ้นร้อยละ 52 จาก 0.58 เหรียญต่อหุ้นของไตรมาสที่หนึ่ง ปี 2542 และสูงขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สี่ปี 2542
ระหว่างไตรมาสที่หนึ่งนี้ อินเทลได้ประกาศว่ากรมสรรพากรสหรัฐอเมริกา (Internal Revenue Service) ได้สรุปผลการตรวจสอบการคืนภาษีของอินเทลจนถึงและรวมถึงปี 2541 จากผลการสรุปผลและปิดการตรวจสอบนี้ บริษัทจึงได้ทำการกลับรายการภาษีค้างจ่ายก่อนหน้านี้ ทำให้การสำรองภาษีในไตรมาสนี้ลดลง 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 0.17 เหรียญต่อหุ้น
เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการตามหลักบัญชีทั่วไป อินเทลมีรายได้สุทธิในไตรมาสที่หนึ่ง รวมทั้งสิ้น 2,700 ล้านเหรียญ สูงกว่าไตรมาสที่หนึ่งของปี 2542 ร้อยละ 37 และสูงขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สี่ของปี 2542 กำไรต่อหุ้นมีมูลค่า 0.78 เหรียญ สูงขึ้นร้อยละ 37 จาก 0.57 เหรียญต่อหุ้นที่ทำไว้ในไตรมาสที่หนึ่งปี 2542 และสูงขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สี่ของปี 2542
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการในไตรมาสที่หนึ่ง ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จที่ตัดบัญชีหนเดียวของการวิจัยและพัฒนาในช่วงของการซื้อกิจการจำนวน 62 ล้านเหรียญ และค่าใช้จ่ายจากการตัดจำหน่ายมูลค่าของชื่อเสียงและสินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่น ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการจำนวน 313 ล้านเหรียญ
"ความต้องการของตลาดในไตรมาสที่หนึ่งมีมากกว่าที่เราคาดไว้เมื่อต้นปี และยังคงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สองนี้ " มร. เครก อาร์ บาร์เรตต์ ประธานและหัวหน้าคณะผู้บริหาร อินเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าว "เราได้คาดการณ์ไว้ว่าความต้องการนี้จะมีเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สองด้วย และเรากำลังเพิ่มการลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิตให้พอเพียงต่อความต้องการของตลาดในอนาคต"
"ขณะที่การป้อนสินค้าเข้าสู่ในตลาดยังคงตึงตัวนี้ เราได้เร่งพัฒนาการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 0.18 ไมครอน ในโรงงานทั้ง 5 แห่งของเรา และจะเพิ่มเป็น 8 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าให้พอเพียงกับความต้องการของตลาดในไตรมาสที่จะมาถึงนี้ได้ ตอนนี้เรากำลังตื่นเต้นกับแผนการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับครึ่งหลังของปีนี้ ที่เราจะนำความใหม่มาสู่สายผลิตภัณฑ์ไมโครโปรเซสเซอร์ของเรา ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวไอทาเนียมƒ โปรเซสเซอร์ และโปรเซสเซอร์ ในชื่อรหัส Willamette และ Timna ด้วย" มร. บารเรตต์ กล่าวต่อ
อินเทลได้ประกาศซื้อกิจการธุรกิจเครือข่ายและการสื่อสารจำนวน 5 แห่งในไตรมาสแรกนี้ ทั้งนี้ สามกิจการที่ได้ทำธุรกรรมการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว คือ GIGA AIS, Ambient Technologies, Inc. และ Thinkit Technologies, Inc. ในขณะที่การซื้อขายกิจการอีกสองแห่งคือ Basis Communications Corporation และ Voice Technologies Group, Inc. ยังคงอยู่ในระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ท่านจะสามารถพบรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อขายกิจการเหล่านี้ได้ในสรุปการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่นประจำไตรมาสที่หนึ่ง ของเอกสารประกอบการประชาสัมพันธ์นี้
ในระหว่างไตรมาสนี้ อินเทลได้จ่ายเงินปันผลประจำไตรมาสเป็นเงินสดจำนวน 0.03 เหรียญต่อหุ้น โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 มีนาคม 2543 ตามบัญชีรายนามผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2543 ทั้งนี้ อินเทลได้จ่ายเงินปันผลประจำไตรมาสให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันมาเป็นเวลานานกว่าเจ็ดปีแล้ว
ในระหว่างไตรมาสนี้ บริษัทได้ซื้อหุ้นสามัญกลับคืนตามเป็นจำนวนทั้งสิ้น 9.8 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านเหรียญตามโครงการที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่ นับตั้งแต่เริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนในปี 2533 บริษัทได้ดำเนินการซื้อหุ้นกลับคืนมาแล้วรวมทั้งสิ้น 669.7 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 19,200 ล้านเหรียญ
แนวโน้มธุรกิจ
ข้อความต่อไปนี้เป็นการคาดคะเนแนวโน้มธุรกิจโดยใช้สถานการณ์ปัจจุบันเป็นหลัก ซึ่งอาจแตกต่างไปจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง ข้อความนี้ไม่รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้จากการรวมหรือเข้าซื้อกิจการที่อาจกระทำเสร็จสิ้นหลังวันที่ 1 เมษายน 2543
** บริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2543 จะอยู่ในระเดียวกับไตรมาสที่หนึ่งซึ่งมีรายได้ 8,000 ล้านเหรียญ สถานการณ์ด้านอุปทานของผลิตภัณฑ์จะยังคงค่อนข้างตึงตัวอยู่ เนื่องจากอุปสงค์ของตลาดในไตรมาสที่สองคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปรกติ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าสถานะของบริษัทในไตรมาสที่สองจะยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อมีการพัฒนากำลังการผลิตมากขึ้น
** อัตรากำไรเบื้องต้นในไตรมาสที่สองของปี 2543 คาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกับอัตรากำไรเบื้องต้นในไตรมาสที่หนึ่งซึ่งอยู่ในระดับอัตราร้อยละ 63 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบบ 0.18 ไมครอน ในหน่วยผลิตต่าง ๆ อินเทลคาดว่าอัตรากำไรเบื้องต้นสำหรับปี 2543 จะอยู่ที่ร้อยละ 61 หรืออาจจะน้อยหรือมากกว่านี้เล็กน้อย เมื่อใช้ผลประกอบการของไตรมาสที่หนึ่งและการคาดการณ์ในปัจจุบันเป็นเกณฑ์ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรเบื้องต้นสำหรับปี 2543 จะอยู่ที่ระดับ 61 ค่อนไปทางกลางหรือสูงของช่วงที่ประมาณไว้ แต่ในช่วงสั้นอัตรากำไรเบื้องต้นของอินเทลจะเปลี่ยนแปรไปตามระดับของรายได้และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งราคาต่อหน่วยด้วย
** ค่าใช้จ่าย (การวิจัยและพัฒนา, ไม่รวมการวิจัยและพัฒนาที่อยู่ในช่วงระหว่างการเข้าซื้อกิจการ และรวมค่าใช้จ่ายในการควบกิจการ) ในไตรมาสที่สองของปี 2543 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ถึง 4 จากค่าใช้จ่ายจำนวน 2,100 ล้านเหรียญในไตรมาสที่หนึ่ง เนื่องการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้น
** ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งไม่รวมการวิจัยและพัฒนาที่อยู่ในช่วงระหว่างการเข้าซื้อกิจการ สำหรับปี 2543 คาดว่าจะมีมูลค่า 3,900 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ 3,800 ล้านเหรียญ
** บริษัทคาดว่าดอกเบี้ยและรายได้อื่น ๆ สำหรับไตรมาสที่สองปี 2543 จะมีมูลค่าประมาณ 725 ล้านเหรียญ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย งบดุลเงินสดในบัญชี สถานการณ์และความผกผันของตลาดทุน และความสามารถของบริษัทในการเพิ่มผลกำไรจากการลงทุนตามที่บริษัทคาดหวังไว้ รวมถึงไม่มีเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้น
** อัตราภาษีสำหรับปี 2543 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 31.7 ทั้งนี้ไม่รวมถึงผลกระทบจากข้อตกลงกับกรมสรรพากรสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรวมหรือเข้าซื้อกิจการทั้งก่อนหน้านี้หรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
** ค่าใช้จ่ายด้านทุนสำหรับปี 2543 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 6,000 ล้านเหรียญ สูงขึ้นจาก 5,000 ล้านเหรียญที่ได้คาดไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากการเห็นสมควรให้เพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้ทบทวนความต้องการในการเพิ่มกำลังผลิตที่บริษัทได้คาดไว้ก่อนหน้านี้
** ค่าเสื่อมราคาสำหรับไตรมาสที่สองคาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 790 ล้านเหรียญ และ 3,500 ล้านเหรียญสำหรับปี 2543 ทั้งปี เพิ่มขึ้นจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ 3,400 ล้านเหรียญ
** การตัดจำหน่ายมูลค่าชื่อเสียงและสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะมีจำนวน 370 ล้านเหรียญ ในไตรมาสที่สอง และ 1,400 ล้านเหรียญสำหรับปี 2543 ทั้งปี
คำกล่าวของ มร. เครก อาร์ บาร์เรตต์ และข้อความสรุปภาพรวมด้านเทคโนโลยีและการผลิต รวมทั้งแถลงการณ์ข้างต้น เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าโดยนำเอาความเสี่ยงและความไม่แน่นอนบางประการเข้ามาพิจารณาประกอบด้วย นอกจากปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริงแตกต่างออกไปจากการคาดการณ์นี้ ปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ : สภาพของธุรกิจและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสั่งสินค้าของลูกค้า ความเปลี่ยนแปลงของไมโครโปรเซสเซอร์ ทั้งในแง่ของรุ่นและความเร็ว ส่วนประกอบที่ซื้อมา และผลิตภัณฑ์อื่น ปัจจัยต่าง ๆ ด้านการแข่งขัน เช่น สถาปัตยกรรมชิปและเทคโนโลยีการผลิตของคู่แข่ง การผลิตไมโครโปรเซสเซอร์เพื่อให้สามารถใช้กับซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ได้ และการยอมรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดจำเพาะบางตลาด แรงกดดันด้านราคา การพัฒนาและช่วงจังหวะการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ออกสู่ตลาด จำนวนสินค้าคงคลังที่มีไม่พอ มากเกินไป หรือตกรุ่น และความแตกต่างในการประเมินราคาสินค้าคงคลัง ความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการพัฒนาขั้นตอนการผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์พิเศษสำหรับตลาดจำเพาะต่าง ๆ การเริ่มใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 0.18 ไมครอน กำลังการผลิตที่มีน้อยเกินไป ความสามารถในการสร้างธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจสื่อสารคมนาคม ระบบสื่อสารไร้สาย และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ต รวมทั้งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่ซื้อมาให้ประสบความสำเร็จ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากความคาดหมาย หรือผลกระทบอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องจากการที่โปรเซสเซอร์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทำงานผิดไปจากข้อกำหนดเฉพาะที่ระบุไว้ คดีความเกี่ยวกับการกฎหมายต่อต้านการผูกขาดการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา ผู้บริโภค และปัญหาอื่น ๆ และปัจจัยความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ระบุไว้บ้างแล้วในรายงานที่บริษัทจัดทำเพื่อส่งต่อคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวถึงในรายงานฟอร์ม 10-เค (10-K) สำหรับปี สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2543 (ส่วนที่ 2 ข้อ 7 ในหมวด 'แนวโน้ม')
สรุปผลการดำเนินธุรกิจประจำไตรมาสที่หนึ่งของปี 2543
กลุ่มธุรกิจสถาปัตยกรรมอินเทล
** ยอดการจัดส่งไมโครโปรเซสเซอร์มีจำนวนใกล้เคียงกับในไตรมาสที่สี่ของปี 2542
** ยอดการจัดส่งชิปเซ็ตลดลงจากไตรมาสที่สี่
** ยอดการจัดส่งมาเธอร์บอร์ลดลงจากไตรมาสที่สี่
กลุ่มธุรกิจระบบสื่อสารไร้สายและการประมวลผล
** ยอดการจัดส่งแฟลชเมมโมรีในไตรมาสที่หนึ่ง ได้สร้างสถิติใหม่ขึ้น
กลุ่มธุรกิจระบบเครือข่ายสื่อสารคมนาคม
** ยอดการจัดส่งอุปกรณ์ต่อเชื่อม ฟาสต์ อีเธอร์เน็ต และกิกะบิต อีเธอร์เน็ต ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่สี่ เมื่อเปรียบเทียบตลอดทั้งปี ยอดการจัดส่งอุปกรณ์ต่อเชื่อม ฟาสต์ อีเธอร์เน็ต ของปี 2542 สูงกว่าปี 2541
** ยอดจัดส่งชิ้นส่วนซิลิคอนสำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย ซึ่งรวมถึงเพนเทียม ทรี โปรเซสเซอร์ ไอ/โอ โปรเซสเซอร์ และ พีซีไอ บริดจ์ ชนิดฝัง มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่ายอดจัดส่งในไตรมาสที่สี่
** ยอดจัดส่งไมโครคอนโทรลเลอร์มีจำนวนใกล้เคียงกับในไตรมาสที่สี่
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์สื่อสารคมนาคม
** ยอดจัดส่งสวิตช์ในไตรมาสที่หนึ่งมีจำนวนลดลง
** ยอดจัดส่งคอมพิวเตอร์ เทเลโฟนี บอร์ด มีจำนวนใกล้เคียงกับในไตรมาสที่สี่
ภาพรวมด้านการเงิน
** ราคาจำหน่ายเฉลี่ยของไมโครโปรเซสเซอร์ในไตรมาสที่หนึ่งใกล้เคียงกับราคาจำหน่ายเฉลี่ยใน
ไตรมาสที่สี่
** อัตรากำไรขั้นต้น เทียบเท่ากับร้อยละ 63 ของไตรมาสที่หนึ่ง สูงขึ้นจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้เล็กน้อย เนื่องจาก จากช่วงรายได้ที่ประมาณไว้ รายได้จริงของไตรมาสที่หนึ่งอยู่ค่อนไปทางสูง
** ค่าใช้จ่าย (การวิจัยพัฒนา, ไม่รวมการวิจัยและพัฒนาที่อยู่ในช่วงระหว่างการเข้าซื้อกิจการ และรวมค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการ) สูงขึ้นกว่าที่ได้ประมาณไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาการผลิตผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายของโครงการ Intel Inside ที่สูงขึ้นเหนือความคาดหมาย
** ดอกเบี้ยและอื่น ๆ มีจำนวน 640 ล้านเหรียญในไตรมาสที่หนึ่ง สูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้จำนวน 500 ล้านเหรียญ เนื่องจากกำไรจากการลงทุนในหุ้นที่มากเหนือความคาดหมาย
** อัตราภาษีที่บริษัทต้องชำระในไตรมาสที่หนึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 31.7 ทั้งนี้ไม่รวมถึงการกลับรายการภาษีค้างจ่าย 600 ล้านเหรียญ ที่ได้ตกลงกับหน่วยสรรพากรสหรัฐซึ่งได้ประกาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ และผลกระทบจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่นประจำไตรมาสที่หนึ่งของปี 2543
กลุ่มธุรกิจสถาปัตยกรรมอินเทล
** ในเดือนมกราคม อินเทลได้เปิดตัว เพนเทียม ทรี โปรเซสเซอร์ รุ่นความเร็ว 600 และ 650 MHz ที่ใช้เทคโนโลยี Intel SpeedStep ซึ่งสามารถให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์แบบเดสก์ทอป โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เทคโนโลยี Intel SpeedStep ช่วยให้โปรเซสเซอร์สามารถสับเปลี่ยนไปใช้ไฟโวลต์เตจต่ำ และปรับความเร็วของนาฬิกาโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ถอดปลั๊กหรือปิดสวิตช์เชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟระบบเอซี และจะปรับการใช้ไฟและความเร็วเต็มที่โดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เสียบปลั๊กได้
** ในเดือนกุมภาพันธ์ ในการประชุมนักพัฒนาของอินเทล ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้จำหน่ายระบบชั้นนำ 8 บริษัทได้สาธิตการทำงานของเซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชั่นต้นแบบ ซึ่งใช้ไอทาเนียม โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาด ในการสาธิตครั้งนี้ ประกอบด้วยการสาธิตการทำงานของระบบปฏิบัติการสามระบบ และการทำงานของแอพพลิเคชั่นสำหรับระบบอี-บิซิเนส อีกจำนวนหนึ่ง ในการประชุมดังกล่าว อินเทลยังได้สาธิตการทำงานของโปรเซสเซอร์ ชื่อรหัส Willamette และ Timna ซึ่งมีแผนนำออกสู่ตลาดในครึ่งหลังของปีนี้ Willamette สร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรม ไมโครโปรเซสเซอร์ แบบ 32 บิต ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมรุ่นแห่งอนาคตของอินเทล อินเทลได้สาธิตการทำงานของ Willamette บนแอพพลิเคชั่นระดับสูงในคอมพิวเตอร์แบบเดสก์ทอป ด้วยความเร็ว 1.5 กิกาเฮิร์ตซ์ (GHz) สำหรับ Timna ซึ่งรวมเอาซีพียูหลักเข้ากับเมมโมรี่คอนโทรลเลอร์ และกราฟฟิกเอนจิน ซึ่งอินเทลจะนำออกสู่ตลาดในระดับแวลูพีซี
** ในเดือนมีนาคม อินเทลได้เปิดตัวเพนเทียม ทรี โปรเซสเซอร์ ความเร็ว 1 กิกาเฮิร์ตซ์ ซึ่งเป็นไมโครโปรเซสเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลกสำหรับพีซีแบบเดสก์ทอป ในเดือนเดียวกันนี้ อินเทลยังได้เปิดตัว เพนเทียม ทรี โปรเซสเซอร์ ความเร็ว 850 และ 866 MHz เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่สำหรับการใช้อินเตอร์เน็ตและระบบมัลติมีเดียอื่น ๆ สำหรับผู้ใช้ทั้งประเภทองค์กรธุรกิจและผู้ใช้ตามบ้าน
** ในเดือนมีนาคม อินเทลได้เปิดตัว อินเทล เซลเลอรอน โปรเซสเซอร์ รุ่นความเร็ว 566 และ 600 MHz โปรเซสเซอร์ความเร็วสูงสุดของบริษัทสำหรับพีซี ที่มีราคาต่ำกว่า 1,000 เหรียญ โปรเซสเซอร์ทั้งสองรุ่นนี้เป็นโปรเซสเซอร์แรกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 0.18 ไมครอน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็วสัญญาณนาฬิกาให้สูงขึ้น ช่วยให้ผลิตได้ในปริมาณที่มากขึ้นและลดต้นทุนการผลิตโดยรวมให้ต่ำลง
** ในช่วงไตรมาสนี้ อินเทลและโซนี คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศแผนการที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้ข้อมูลและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคต่าง ๆ เช่นกล้องดิจิตอล กล้องวิดีโอดิจิตอล และเครื่องเล่นดนตรีแบบเคลื่อนที่ ร่วมกันโดยผ่านพีซีได้ ความร่วมมือนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของอินเทลเกี่ยวกับระบบ อี-โฮม ที่การต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ตจะสามารถกระทำผ่านอุปกรณ์หลายรูปแบบได้อย่างราบรื่น อันเป็นผลจากการที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตตามบ้านกำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
กลุ่มธุรกิจระบบสื่อสารคมนาคมไร้สายและคอมพิวเตอร์
** ในเดือนกุมภาพันธ์ อินเทลและอิริคสัน ได้ประกาศความร่วมมือในการส่งมอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สำหรับการผลิตแฟลชเมมโมรี่ประสิทธิภาพสูง ที่จะสามารถเก็บรหัสและข้อมูลอินเตอร์เน็ต และสื่ออื่น ๆ ในอุปกรณ์มือถือไร้สายเจนเนอเรชั่นที่ 3 ได้
** ในเดือนกุมภาพันธ์ อินเทลได้ประกาศการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีไร้สาย (Intel Wireless Competence Center) แห่งใหม่ของอินเทล ในเมืองสึคูบะ ประเทศญี่ปุ่น อินเทลจะใช้ศูนย์แห่งนี้เป็นศูนย์กลางพัฒนาเทคโนโลยีไร้สายสำหรับระบบการเข้าสู่อินเตอร์เน็ต โดยร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมผลิตโทรศัพท์ระบบเซลลูล่าร์ของญี่ปุ่น
** ในเดือนกุมภาพันธ์ อินเทล และ PacketVideo Corporation ได้ประกาศว่า ทั้งสองบริษัทได้ทำการพัฒนามัลติมีเดีย ซอฟต์แวร์ ดีโคดเดอร์ ไร้สาย MPEG-4 ของ Pcaket เพื่อให้สามารถใช้ได้กับโปรเซสเซอร์ StrongArm** SA-1110 ของอินเทล ผลสำเร็จจากการพัฒนานี้เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้อุปกรณ์มือถือไร้สายเจนเนอเรชั่นที่ 3 ที่ได้รับออกแบบให้ใช้โปรเซสเซอร์นี้ สามารถรับเสียงและภาพทันทีแบบเรียลไทม์ได้
กลุ่มธุรกิจเครือข่ายสื่อสารคมนาคม
** ในเดือนกุมภาพันธ์ อินเทลได้ประกาศว่า บริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ระบบเครือข่ายและการสื่อสารคมนาคม อาทิ อิริคสัน ลูเซ่น และโนเกีย กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์กว่า 20 ชนิด ซึ่งใช้ข้อกำหนดสถาปัตยกรรม Intel Internet Exchange ƒ และโปรเซสเซอร์เครือข่วาย IXP1200 ซึ่งได้ประกาศเปิดตัวไปเมื่อหกเดือนก่อน
** ในเดือนกุมภาพันธ์ อินเทล และ Symbol Technologies ได้ประกาศความร่วมมือในโครงการพัฒนาระยะยาว กินเวลาหลายปี ในการพัฒนาและผลิตเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์สำหรับเครือข่ายไร้สายประสิทธิภาพสูง อินเทลยังได้ลงทุนจำนวน 100 ล้านเหรียญในซิมโบล ซึ่งมีสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 1.5 ของจำนวนหุ้นในซิมโบล
** ในเดือนมีนาคม อินเทลได้ซื้อ GIGA A/S ซึ่งเป็นบริษัท เอ็นเคที ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ด้วยเงินสดมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 1,250 ล้านเหรียญ จุดประสงค์ของอินเทลในการซื้อ GIGA ก็เพื่อสร้างความเข้มแข็งของบริษัทในตลาดชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับระบบเครือข่าย เพื่อให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์สืบเนื่องจากระบบโครงสร้างพื้นฐานใยแก้วนำแสงเป็นไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งมีความสำคัญมากในการสนับสนุนการเติบโตของอินเตอร์เน็ต
** ในเดือนมีนาคม อินเทลได้ประกาศยืนยันข้อตกลงในการซื้อกิจการของ Basis Communications Corp. ด้วยราคาซื้อ-ขายประมาณ 450 ล้านเหรียญ เบสิส เป็นบริษัทออกแบบและจำหน่ายเซมิคอนดักเตอร์ประสิทธิภาพสูงและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สำหรับระบบเพื่อการ "เข้าสู่เครือข่าย" อาทิ สวิตช์สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายท้องถิ่นเข้าสู่อินเตอร์เน็ต เป็นต้น และ อุปกรณ์ต่อเชื่อมในบริเวณจำกัด (customer premise equipment - CPE) สำหรับการใช้ในบ้านและบริษัทตั้งแต่ขนาดย่อมถึงขนาดปานกลาง การซื้อกิจการนี้จะช่วยเสริมความหลากหลายให้กับสายผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์สำหรับระบบเครือข่ายของอินเทล
** ในช่วงไตรมาสนี้ อินเทลได้ซื้อกิจการของ Ambient Technologies, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทส่วนบุคคล ด้วยมูลค่าการซื้อขายประมาณ 150 ล้านเหรียญ แอมเบียนท์ เป็นบริษัทพัฒนาสายส่งระบบดิจิตอล (digital subscriber line - DSL) ชิป และโมเดม ระบบอนาล็อก ที่ออกแบบเพื่อประสิทธิภาพในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ด้วยความเร็วสูงสำหรับผู้ใช้ประเภทตามบ้าน หรือธุรกิจขนาดเล็ก
** ในช่วงไตรมาสนี้ อินเทลได้ซื้อกิจการของ Thinkit Technologies, Inc. ซึ่งจะช่วยขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ซิลิคอนสำหรับระบบสื่อสารของอินเทลเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั่วโลก
** ในวันที่ 5 เมษายน อินเทลได้เปิดตัว AnyPoint ƒ เครือข่ายไร้สายสำหรับบ้านพักอาศัย เพื่อประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายบ้านและอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้อินเทลยังได้แนะนำผลิตภัณฑ์เครือข่ายสำหรับบ้านที่ใช้สายโทรศัพท์เป็นหลัก รุ่นความเร็ว 10 เมกะบิต ต่อวินาที (Mbps) ด้วย
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับระบบสื่อสารคมนาคม
** ในเดือนกุมภาพันธ์ อินเทลได้ประกาศแผนในการซื้อกิจการ กลุ่ม Voice Technologies Group (VTG) การซื้อกิจการจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสของอินเทล และไดอะลอจิก ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของอินเทล ในการทำให้ระบบสลับสายโทรศัพท์พีบีเอ็กซ์ ที่มีขายทั่วโลกสามารถทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์เทเลโฟนีสำหรับเซิร์ฟเวอร์ (computer telephony server systems) และไอพี เกทเวย์ (อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเข้าอินเตอร์เน็ต) ของไดอาลอจิกได้ นอกจากนี้ การซื้อกิจการของ VTG ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สำหรับระบบพีบีเอ็กซ์ของไดอาลอจิกด้วย
** ในเดือนกุมภาพันธ์ อินเทลได้เปิดตัวเครื่องหมายผลิตภัณฑ์ Intel NetStructure ƒ และผลิตภัณฑ์ในตระกูลนี้ พร้อมด้วยบริการสำหรับระบบสื่อสารคมนาคม ที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถพัฒนาประสิทธิภาพของระบบอี-คอมเมิร์ซ ของธุรกิจทั้งในด้านของความเร็วในการต่อเชื่อม ระบบตรวจสอบเพื่อรักษาความปลอดภัย และเวลาการตอบสนองของเซิร์ฟเวอร์ที่ดีขึ้นได้ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในตระกูล Intel NetStructure ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่อุปกรณ์โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ และอุปกรณ์เครือข่ายสื่อสารคมนาคม สำหรับการสร้างหรือพัฒนาการทำงานของระบบอี-บิซิเนสให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
** ในเดือนมีนาคม อินเทลได้เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ อันเป็นนวัตกรรมล่าสุดที่จะช่วยธุรกิจขนาดย่อมในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบอี-บิซิเนสและระบบสื่อสารได้ อุปกรณ์นี้คือ Intel InBusiness ซึ่งเป็นเครือข่ายสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ที่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เพื่อการใช้อินเตอร์เน็ต อีเมล แฟ้มอิเล็คทรอนิก และพรินเตอร์ร่วมกันได้กลุ่มธุรกิจใหม่
** ในวันที่ 4 เมษายน Intel Online Services, Inc. (IOS) ได้ประกาศเปิดศูนย์ข้อมูลอินเตอร์เน็ตแห่งใหม่ที่เมืองแชนทิลี มลรัฐเวอร์จิเนีย ศูนย์ขนาดพื้นที่ 73,000 ตารางฟุตนี้ สามารถรองรับการใช้เซิร์ฟเวอร์ได้มากถึง 10,000 เครื่อง และจะมีการจ้างงานมากถึง 250 ตำแหน่ง ศูนย์ข้อมูล ซึ่งเป็นแห่งที่สองของอินเทลนี้ จะให้บริการโฮสท์ (host) หลายชนิด ตั้งแต่ บริการพื้นฐานธรรมดา ถึง บริการโฮสติ้งเจนเนอเรชั่นที่สอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแน่นอนและความรวดเร็วในการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับอี-บิซิเนสได้
** ในเดือนกุมภาพันธ์ อินเทลและ Mattel Inc. ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ของเล่นที่พัฒนาขึ้นร่วมกันสำหรับปี 2543 ผลิตภัณฑ์ของเล่น อาทิ Play Computer Sound Morpher, Digital Movie Creator และ Me2Cam Virtual Game System ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของเล่นภายใต้เครื่องหมาย Intel Play ซึ่งจะช่วยให้เด็กสนุกสนานกับการค้นพบ และการสร้างสรรค์ด้วยคอมพิวเตอร์
อินเทล แคปิตอล
อินเทล แคปิตอล เป็นโครงการเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของอินเทล ที่เน้นการลงทุนด้านหลักทรัพย์เพื่อช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตทั่วโลก เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่อินเทลสนใจลงทุน อินเทล แคปิตอล จะลงทุนในบริษัทต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี พัฒนาโซลูชั่นเพื่อเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม เร่งขยายการเติบโตของอินเตอร์เน็ต และพัฒนาแพล็ตฟอร์มคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้อินเทล แคปิตอล ยังรับผิดชอบในการซื้อกิจการต่าง ๆ ด้วย
อินเทล แคปิตอล เน้นความรับผิดชอบในกองทุนสองกองทุนคือ Intel Communications Fund กองทุนสนับสนุนการสื่อสาร และ Intel 64 Fund กองทุนสนับสนุนสถาปัตยกรรม 64 บิต
Intel Communications เป็นกองทุนเพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์ ขนาด 200 ล้านเหรียญ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจระบบสื่อสารคมนาคมของอินเทล รวมทั้งสถาปัตยกรรม Intel Internet Exchange และ CT Media ของอินเทลด้วย กองทุน Intel 64 เป็นกองทุนหุ้นสามัญทรัพย์มูลค่า 253 ล้านเหรียญ ที่จัดตั้งโดยอินเทล และนักลงทุนอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับสถาปัตยกรรมแบบ 64 บิต ของอินเทล กองทุนทั้งสองนี้ล้วนประสบความสำเร็จด้านการลงทุน ณ สิ้นสุดไตรมาส พอร์ตการลงทุนของอินเทล แคปิตอล รวมถึงการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 425 บริษัท โดยการลงทุนดังกล่าวนี้มีทั้งการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาด และการซื้อธุรกิจเป็นการส่วนตัว ตามรายละเอียดดังนี้
1 เมษายน 2543 (หลักล้าน) มูลค่า
หลักทรัพย์ที่ซื้อ-ขายในตลาดได้ 9,809 เหรียญ
หลักทรัพย์ที่ซื้อ-ขายในตลาดไม่ได้ 1,009 เหรียญ
จำนวนการลงทุนทั้งสิ้น 10,818 เหรียญ
ณ วันที่ 1 เมษายน 2543 มูลค่าการลงทุนในพอร์ตของอินเทลนี้ รวมถึงเงินจำนวน 7,800 ล้านเหรียญ ที่ได้รับจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าของหลักทรัพย์ที่ซื้อ-ขายได้ในตลาด ในระหว่างไตรมาสนี้ บริษัทสามารถทำกำไรได้เป็นจำนวนเงิน 449 ล้านเหรียญ จากการลงทุนในหลักทรัพย์
มูลค่าที่บันทึกในงบดุลของหลักทรัพย์ที่ซื้อ-ขายได้ในตลาด เป็นมูลค่าตามราคาที่ซื้อ-ขายปัจจุบัน ส่วนหลักทรัพย์ที่ซื้อ-ขายไม่ได้ในตลาด จะถูกบันทึกในราคาที่ต่ำกว่า หรือเทียบเท่ากับราคาในท้องตลาด โดยจะรวมอยู่ในบัญชีสินทรัพย์อื่น ๆ
มูลค่าของการลงทุนจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ ปัจจัย อาทิ ราคาขึ้น-ลงในตลาด การลงทุน การถอนทุน และการแปรเปลี่ยนสถานะการซื้อขายของหลักทรัพย์
หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์และการลงทุนของอินเทล แคปิตอล กรุณาดูได้ที่ www.intel.com/capitlal
ภาพรวมด้านเทคโนโลยีและการผลิต
** ในช่วงไตรมาสนี้ อินเทล ได้เริ่มการก่อสร้างโรงงานผลิต เวเฟอร์ขนาด 300 มม. เป็นแห่งแรกในเมืองแชนด์เลอร์ มลรัฐอริโซน่า บริษัทมีงบประมาณในการลงทุนประมาณ 2,000 ล้านเหรียญในการสร้างโรงงานและติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เมื่อเทียบกับเวเฟอร์ขนาด 200 มม (8 นิ้ว) ที่ใช้ในโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์อื่น ๆ เวเฟอร์ขนาด 300 มม (12 นิ้ว) ในปัจจุบันนี้ จะให้พื้นที่ซิลิคอนถึงร้อยละ 225 มากเกินครึ่งของพื้นที่ที่เวเฟอร์ขนาดเดิมมีให้ และให้พื้นที่พิมพ์ (printed die) หรือพื้นที่สำหรับชิปคอมพิวเตอร์แต่ละตัวเกือบร้อยละ 240 นอกจากนี้เวเฟอร์ขนาดใหญ่กว่านี้ยังจะช่วยลดต้นทุนลงกว่าร้อยละ 30 ด้วย
** ในช่วงไตรมาสนี้ อินเทลได้ซื้อโรงงานเวเฟอร์ (wafer fab) ในเมืองโคโลราโด สปริง มลรัฐโคโรลาโด จากร็อคเวลล์ อินเตอร์เนชันแนล คอร์ป อินเทลคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตแฟลชเมมโมรี่ในโรงงานนี้ได้ในปีนี้
ข้อมูลด้านการเงิน
หมวดรายงานผลประกอบการทางด้านการเงินได้ถูกจัดทำในรูปของตารางต่าง ๆ ตามเอกสารที่แนบมากับข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งดูข้อมูลงบกำไรขาดทุนและงบดุลได้จากเว็บไซต์ www.intc.com โดยข้อมูลจะปรากฏอยู่ในรูปของกระดาษทำการสเปรดชีต ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้
ท่านสามารถรับสำเนาของข่าวประชาสัมพันธ์ผลกำไรและรายงานประจำปีของอินเทล ได้จากอินเตอร์เน็ต ที่เว็บไซต์ www.intc.com หรือติดต่อไปยังธนาคาร แฮริส ทรัสต์แอนด์เซฟวิ่ง แบงค์ ซึ่งเป็นตัวแทนของอินเทล ได้ที่โทรศัพท์หมายเลข (800) 298-0146
อินเทล เป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นผู้นำในวงการคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย และผลิตภัณฑ์สำหรับระบบสื่อสารคมนาคม ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทอินเทล ได้ที่เว็บไซต์ http://www.intel.com/pressroom
* เครื่องหมายการค้าของบุคคลที่สาม เป็นสมบัติของบุคคลที่ถือสิทธิ์นั้น
*** สตรองอาร์ม (StrongARM) และ อาร์ม (ARM) เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท Advanced RISC Machines Ltd ติดต่อ: คุณเพชราภรณ์ เจริญนิพนธ์วานิช กรรภิรมย์ อึ้งภากรณ์
อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) แชนด์วิค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
(66 2) 654-0654 (66 2 ) 257 0300
petch.charoennibhonvanich@intel.com kanpirom@shandwick.th.com-- จบ--
-อน-

แท็ก อินเทล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ