ปภ.รายงานยังคงมีสถานการณ์น้ำไหลหลากใน 7 จังหวัด พร้อมระดมสรรพกำลังเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ข่าวทั่วไป Friday August 18, 2017 13:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม – 16สิงหาคม 2560 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 44 จังหวัด ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 37 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 7 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร กาฬสินธุ์ นครพนม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี และพระนครศรีอยุธยา โดย ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกมิติ มุ่งดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม – 16สิงหาคม 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 44 จังหวัด 302 อำเภอ 1,689 ตำบล 13,673 หมู่บ้าน 43 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ583,448 ครัวเรือน 1,850,403 คน ผู้เสียชีวิต 34 ราย เบื้องต้นบ้านเรือนได้เสียหาย 2,754 หลัง แยกเป็น เสียหายบางส่วน 2,559 หลัง เสียหายทั้งหลัง 15 หลัง ถนน 2,401 สาย คอสะพาน 111 แห่ง ประมง 21,732 บ่อ ปศุสัตว์ 801,943 ตัว พื้นที่การเกษตร 4,055,227 ไร่ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 37 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 7 จังหวัด 32 อำเภอ 200 ตำบล 1,237 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 43,980 ครัวเรือน 136,616 คน จุดอพยพ 37 จุด 1,818 ครัวเรือน 6,451 คน แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัดได้แก่ 1) สกลนคร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 18 อำเภอ 124 ตำบล 1,509 หมู่บ้าน 43 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 136,582 ครัวเรือน 431,277 คน ผู้เสียชีวิต 11 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหาย 892,793 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 858,161 ไร่ พืชไร่ 19,780 ไร่ และพืชสวน 14,852ไร่ ปศุสัตว์ 704,284 ตัว ด้านประมงเสียหาย 7,213.97 ไร่ ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกุสุมาลย์ และอำเภอโคกศรีสุพรรณ รวม 2 ตำบล6 หมู่บ้าน 31 ครัวเรือน 95 คน 2) กาฬสินธุ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 18 อำเภอ 126 ตำบล 1,276 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ34,087 ครัวเรือน อพยพประชาชน 76 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 285,284 ไร่ ปศุสัตว์ 12,410 ตัว ประมงเสียหาย 1,843.75 ไร่ ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอยางตลาด อำเภอฆ้องชัย อำเภอกมลาไสย และอำเภอร่องคำ รวม 44 ตำบล 448หมู่บ้าน 14,929 ครัวเรือน 44,787 คน 3) นครพนม ฝนที่ตกหนักและมวลน้ำจากหนองหาร จังหวัดสกลนครไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ79 ตำบล 659 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22,541 ครัวเรือน 64,857 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 186,663 ไร่ ผู้เสียชีวิต 4 รายปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาแก อำเภอนาหว้า รวม 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน 57 ครัวเรือน 171 คน 4) ร้อยเอ็ด น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 20 อำเภอ 182 ตำบล 2,093 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 84,522 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 4 ราย อพยพประชาชน 498 ครัวเรือน 1,755 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 780,542 ไร่ ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสลภูมิ อำเภอเชียงขวัญ อำเภอจังหาร อำเภอโพธิ์ชัย และอำเภอทุ่งเขาหลวง รวม 10 ตำบล 18 หมู่บ้าน 1,460 ครัวเรือน 4,380 คน 5) ยโสธร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 9 อำเภอ 61ตำบล398 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22,019 ครัวเรือน อพยพประชาชน 32 ครัวเรือน 70 คน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 126 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 121,987 ไร่ ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยโสธร อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัยและอำเภอค้อวัง รวม 12 ตำบล 32 หมู่บ้าน 336 ครัวเรือน 1,008 คน 6) อุบลราชธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 22 อำเภอ 110 ตำบล719 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,330 ครัวเรือน 62,020 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย อพยพประชาชน 2,600 ครัวเรือน 8,754 คน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 796 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 206,837 ไร่ ปัจจุบันยังมีสถานการณ์ใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอม่วงสามสิบ และอำเภอเขื่องใน ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ผลกระทบจากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ ทำให้น้ำท่วมในพื้นที่6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอเสนา อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา และอำเภอบางไทร รวม 74 ตำบล 377 หมู่บ้านประชาชนได้รับผลกระทบ 15,814 ครัวเรือน ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พร้อมกำชับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วให้เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ส่วนจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัยให้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัย ควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยเชื่อมโยงการระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ