ไทยคมรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2560

ข่าวเทคโนโลยี Thursday November 2, 2017 14:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--ไทยคม บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ("THCOM") ผู้ให้บริการดาวเทียมไทย รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2560 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมทั้งสิ้น 2,312 ล้านบาท ลดลง 479 ล้านบาท หรือ 17.2% จาก 2,791 ล้านบาทในไตรมาส 3/2559 (YoY) โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการดาวเทียมบรอดแบนด์ไทยคม 4 ในประเทศออสเตรเลียและประเทศไทย รวมถึงรายได้ที่ลดลงของการให้บริการเสริมต่างๆ บนดาวเทียมแบบทั่วไป ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มที่มีการชะลอตัวของอุตสาหกรรมบรอดคาสต์ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2560 (QoQ) ไทยคมมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมเพิ่มขึ้น 26 ล้านบาท หรือ 1.1% จาก 2,286 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับกลยุทธ์ด้านการขาย โดยได้มุ่งเน้นไปยังตลาดที่ยังมีศักยภาพด้านบรอดคาสต์จึงส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นายไพบูลย์ ภานุวัฒนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม เปิดเผยว่า "ผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา มีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามสภาวะของอุตสาหกรรมดาวเทียมที่มีการชะลอตัว แต่ไทยคมได้มีการปรับกลยุทธ์ด้านการขาย โดยมุ่งเน้นการขายช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม 8 ไปยังตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและเอเชียใต้ ส่งผลให้ในไตรมาสที่ผ่านมา ไทยคมประสบความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลายราย อาทิ บริษัท เอ็มวี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (MVI) ที่ได้ลงนามในสัญญาเช่าทรานสปอนเดอร์ บนดาวเทียมไทยคม 8 เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มเพย์ทีวี (Pay TV) ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว), การบรรลุข้อตกลงกับ บริษัท ไอแซท แอฟริกา (iSAT) ผู้นำการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของแอฟริกา ด้วยบริการโซลูชั่นโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมแบบครบวงจร รวมไปถึงการใช้ระบบดาวเทียมเป็นระบบสำรองข้อมูลให้กับเครือข่ายใยแก้ว (Fiber Network) นอกเหนือจากความสำเร็จในด้านธุรกิจแล้ว ไทยคมยังได้รับความเชื่อมั่นจากทริสเรทติ้ง ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และโดดเด่นในการเป็นผู้นำการให้บริการธุรกิจโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม ล่าสุดไทยคมยังได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) หรือหุ้นยั่งยืน ประจำปี 2560 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน พร้อมกันนี้ ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการอยู่ในเกณฑ์ "ดีเลิศ" หรือ "CG 5 ดาว" ติดต่อกันถึง 5 ปี นับเป็นความสำเร็จจากความมุ่งมั่นและดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล (CG) อย่างเคร่งครัดและยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส และสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง" นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2560 ไทยคมได้ลงนามในสัญญา Shares Tender Agreement เพื่อขายหุ้นสามัญ ของบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ("CSL") ซึ่งเป็นธุรกิจในสายอินเทอร์เน็ตและสื่อ จำนวน 250,099,990 หุ้น หรือคิดเป็น 42.07% ให้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ("AWN") บริษัทลูกของ AIS ในราคาเสนอซื้อ 7.80 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารายการทั้งสิ้น 1,950.78 ล้านบาท โดยไทยคมจะต้องขออนุมัติต่อผู้ถือหุ้นในเรื่องการขายหุ้น CSL ดังกล่าว จึงได้กำหนดจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 ในวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว "การขายหุ้น CSL ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินตามแผนธุรกิจ เพื่อจัดระเบียบโครงสร้างการบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ และเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจของไทยคม รวมถึงเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือต่างๆ ในเชิงธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัทอินทัช เช่น ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโซลูชั่นที่สามารถซินเนอร์จี (Synergy) กันได้ เพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ" นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติม และเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 ไทยคมได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าได้ยื่นเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อพิจารณาชี้ขาดข้อเห็นต่างเรื่องดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ที่เกิดขึ้นระหว่าง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ("กระทรวงดิจิทัลฯ") และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยคม โดยไทยคมได้ดำเนินตามกระบวนการและข้อกำหนดที่ระบุในสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ข้อ 45.1 ในกรณีที่เกิดข้อพิพาทและคู่สัญญาไม่สามารถตกลงกันได้ ให้เสนอเรื่องต่ออนุญาโตตุลาการ เพื่อให้มีคนกลางที่มีความยุติธรรมเข้ามาช่วยตัดสิน หาทางออก และ/หรือ ข้อยุติบนพื้นฐานของความชอบธรรมตามกฎหมาย ทั้งนี้ กระบวนการอนุญาโตตุลาการต้องใช้เวลาทั้งสิ้นถึง 15-36 เดือน โดยเริ่มต้นตั้งแต่บริษัทฯ ยื่นคำขอเพื่อเข้าสู่กระบวนการ และในระหว่างการดำเนินการเพื่อระงับข้อพิพาทข้างต้น ไทยคมจะยังดำเนินธุรกิจให้บริการดาวเทียมได้ตามปกติแก่ลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามมาตรฐานสากลเช่นที่ได้เคยปฏิบัติมาโดยตลอด ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือ ณ สิ้นไตรมาส 3/2560 บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน)(ซีเอสแอล) ธุรกิจให้บริการศูนย์คอมพิวเตอร์ (Internet Data Center: IDC) ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีฐานลูกค้าจากการให้บริการ ณ สิ้นสุดไตรมาส 3/2560 เพิ่มขึ้น 17.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และในส่วนของฐานลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตามคอนโดมิเนียม ณ สิ้นไตรมาส 3/2560 อยู่ที่ 19,413 ราย เพิ่มขึ้นจาก 3,079 ราย ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 และสำหรับธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองของซีเอสแอล ได้มีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ โดยหันมามุ่งเน้นการพัฒนาการขายผ่านสื่อออนไลน์และดิจิตอลผ่านเว็ปไซด์ www.yellowpages.co.th และยุติการขายโฆษณาสื่อสิ่งพิมพ์สมุดหน้าเหลืองตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้าน บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (แอลทีซี) ในประเทศลาว มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์ในระบบรวมทั้งสิ้น 2,004,738 ราย และยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 56.9% ของตลาดรวม เพิ่มขึ้นจาก 53.8% ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 โดยรายได้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะรายได้ด้านดาต้าจากโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตซิม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ