แอล เอช ฟันด์ แนะนำลงทุนในหุ้นอินเดียรับเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ดีเดย์ 27 พ.ย. – 13 ธ.ค. นี้ เปิดขายกองทุน LH INDIA-E

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 27, 2017 08:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--เอ็มที มัลติมีเดีย แอล เอช ฟันด์ มองแนวโน้มเศรษฐกิจอินเดียแข็งแกร่ง หนุนโอกาสเข้าลงทุนในตลาดหุ้น หลังดัชนีตลาดหุ้นอินเดียปรับขึ้นร้อนแรงในรอบปีนี้ เป็นโอกาสเปิดตัวกองทุนเปิด 'แอล เอช อินเดีย-E' หรือ LH INDIA-E Fund เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก 27 พ.ย. – 13 ธ.ค. นี้ ชูจุดเด่นเป็นกองทุน Fund of Funds ที่เข้าลงทุนในกองทุนรวม อีทีเอฟต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ แอล เอช ฟันด์ เปิดเผยว่า แอล เอช ฟันด์ มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศอินเดีย ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 และเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศในภูมิภาคเอเชียต่อไป โดยคาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินนโยบายของนาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีอินเดียคนปัจจุบัน ที่มีนโยบายพัฒนาอินเดียเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและบรรยากาศภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย โดยภาพรวมดัชนี BSE SENSEX ของอินเดียในปีนี้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างร้อนแรง โดยในรอบปีนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 30,000 จุดและปัจจุบันอยู่ที่ระดับกว่า 32,000 จุด โดยมีปัจจัยมาจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี แนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและความเชื่อมั่นต่อภาคการลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุน ดังนั้น แอล เอช ฟันด์ จึงมองว่าเป็นจังหวะดีที่จะกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย กรรมการผู้จัดการ แอล เอช ฟันด์ กล่าวว่า จากปัจจัยบวกดังกล่าว ในวันที่ 27 พ.ย. – 13 ธ.ค. นี้ แอล เอช ฟันด์จะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด แอล เอช อินเดีย-E หรือ LH INDIA-E Fund (LHINDIA-E) เป็นครั้งแรก โดยเป็นกองทุนประเภท Fund of Funds ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศ ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในประเทศอินเดีย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 12 ครั้ง และกำหนดมูลค่าการซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำในครั้งแรกและครั้งถัดไป 5,000 บาท สำหรับกองทุนดังกล่าว จะลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน ในสัดส่วนกองทุนละไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนทั้งในและต่างประเทศในเงินฝากธนาคาร ตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ใบสำคัญแสดงสิทธิ รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งในช่วงเริ่มต้นกองทุนเปิด แอล เอช อินเดีย-E จะเข้าลงทุนในกองทุน iShares MSCI India ETF ในสัดส่วนประมาณ 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 กองทุนลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ การเงิน คอมพิวเตอร์ – ซอฟท์แวร์ สินค้าฟุ่มเฟือย พลังงาน และสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ขณะเดียวกัน จะเข้าลงทุนในกองทุน iShares MSCI India Small-Cap ETF สัดส่วนประมาณ 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของดัชนีหุ้นขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 กองทุนลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ หมวดสินค้าฟุ่มเฟือย การเงิน อุตสาหกรรม วัสดุ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามลำดับ "เราแนะนำนักลงทุนให้กระจายการลงทุนในต่างประเทศ โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดียยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกในอนาคต จากนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลอินเดียและพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จึงมองว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนผ่านกองทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี" นายมนรัฐ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ