สศอ. เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม 2561 ขยายตัวร้อยละ 3.2 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ข่าวทั่วไป Wednesday June 27, 2018 14:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม 2561 นี้ ขยายตัวร้อยละ 3.2 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เดือนพฤษภาคม 2560 ขยายตัวร้อยละ 2.96) นายณัฐพล รังสิตพล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index - MPI) ประจำเดือนพฤษภาคม 2561 มีการขยายตัวร้อยละ 3.2 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 เป็นผลจากการส่งออกที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ 5 เดือนแรกของปี 2561 MPI ขยายตัวร้อยละ 3.8 (5 เดือนแรกปี 2560 ขยายตัวร้อยละ 0.4) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกประจำเดือนพฤษภาคม 2561 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำตาลทราย เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ยา Hard Disk Drive และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าในอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนพฤษภาคม มีการขยายตัวได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.89 จากรถปิคอัพ และรถยนต์นั่งขนาดไม่เกิน 1,800 cc. เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่กลับมาขยายตัวต่อเนื่อง ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่กลับมาฟื้นตัว สำหรับเครื่องยนต์รถยนต์ขยายตัวในเครื่องยนต์แก๊สโซลีนและเครื่องยนต์ดีเซล ตามความต้องการใช้ที่สอดคล้องกับการขยายตัวของตลาดรถยนต์ภายในประเทศและปริมาณการส่งออกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น น้ำตาลทราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.93 จากการขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อย และสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้มีผลผลิตมากกว่าปีก่อน เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ยา เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.43 จากยาแคปซูลและยาเม็ดเป็นหลัก จากการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการขยายตลาดที่มีการเปิดตลาดใหม่ (เช่น ฮ่องกง) และตลาดในประเทศ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.92 โดยเฉพาะ HDD ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการที่บริษัทแม่ได้เพิ่มการผลิตในไทย รวมถึงความต้องการในตลาดโลกยังคงเพิ่มขึ้นตามการพัฒนาไปสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแผ่นวงจร เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.32 โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกสินค้าเช่น PCBA Semiconductor จากความต้องการของตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้การคาดการณ์ภาวะอุตสาหกรรมสำคัญในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 ที่ยังคงขยายตัวได้ดี ได้แก่ อุตสาหกรรมไฟฟ้า จะมีการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากภาคอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าผู้ผลิตและผู้ค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า จะเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จะมีการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.65 จากความต้องการส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ และ Hard Disk Drive จากการได้รับยอดผลิตเพิ่มขึ้นจากบริษัทแม่ของผู้ผลิตบางราย เนื่องจากการปิดฐานที่สิงคโปร์และจีน และย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย ส่วน IC คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ตามความต้องการของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โลกที่เริ่มฟื้นตัว อุตสาหกรรมรถยนต์ จะมีการผลิตรถยนต์ประมาณ 530,000 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.61 โดยเป็นการจำหน่ายในประเทศประมาณ 220,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.40 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศขยายตัว ประกอบกับสิ้นสุดการถือครองรถยนต์ภายใต้โครงการรถยนต์คันแรก ส่วนการส่งออกทรงตัว เนื่องจากการกีดกันการค้าจากประเทศเวียดนาม อุตสาหกรรมอาหาร จะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.6 จากปัจจัยบวกอย่างผลผลิตสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากเพิ่มพื้นที่ปลูกและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย อาทิ ปาล์มน้ำมัน สับปะรด และอ้อย เป็นต้น ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายตลาดใหม่เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจโลกก็มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าหลักของไทยอย่างสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น และ CLMV อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าการผลิตยางรถยนต์ในประเทศจะขยายตัวร้อยละ 1.66 ในส่วนของการผลิตยางรถจักรยานยนต์/จักรยานคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.10 สำหรับถุงมือยาง/ถุงมือตรวจคาดว่าจะมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.33 ตามแนวโน้มความต้องการใช้ที่สูงขึ้นทั้งในประเทศและตลาดส่งออกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ขยายตัวตามทิศทางการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจของ คู่ค้า เช่น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม โดยเฉพาะการส่งออกเส้นใย และผ้าผืนจากใยสังเคราะห์ ไปยังตลาด CLMV ซึ่งเป็นฐานการผลิตเครื่องนุ่งห่มในปัจจุบัน ประกอบกับผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการผลิตเส้นใยสมบัติพิเศษหลายชนิด เป็นการเพิ่มช่องทางและโอกาสทางการตลาดสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องสาขาอื่น ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรม S-Curve ตามเป้าหมายของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ