สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 13 กรกฎาคม 2561

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 13, 2018 17:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส สภาวะตลาดวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,240.00-1,248.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,650 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,650 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ18 อยู่ที่ 19,720 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,750 บาท (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.57 น. ของวันที่13/07/61) แนวโน้มวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งบวกต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนักลงทุนเชื่อมั่นว่าดอลลาร์จะได้ประโยชน์จากสงครามการค้าในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อของสหรัฐกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามแผน ยิ่งหนุนการปรับตัวขึ้นของดอลลาร์ และเพิ่มแรงกดดันต่อราคาทองคำ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้า เพราะที่ผ่านมาความกังวลดังกล่าวทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและราคาทองคำอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม นายหวัง ชูเหวิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สหรัฐร่วมแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้า ผ่านทางการเจรจาทวิภาคีรอบใหม่ และระบุว่าจีนไม่ต้องการทำสงครามการค้า ขณะที่มีรายงานว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เต็มใจที่จะหันหน้าเจรจากับจีนเช่นกัน สงครามการค้าเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง ราคาทองคำจึงยังรักษาระดับไว้ แต่การฟื้นตัวขึ้นไม่มาก เพราะ ปธน.ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าสหรัฐยังคงมีแผนที่จะเก็บภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งคาดหวังให้ EU เปลี่ยนแปลงนโยบายการค้า ซึ่งจะมีการเจรจาในวันที่ 25 ก.ค.นี้ ขณะที่การประชุม G20 ระดับรัฐมนตรีคลัง ในกรุงบัวโนส ไอเรส วันที่ 19-22 ก.ค. เหล่ารัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มเห็นพ้องต่อจุดยืนร่วมกันในการต่อต้านมาตรการกีดกันการค้าแต่ฝ่ายเดียวของสหรัฐ และสนับสนุนการตอบโต้อย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท มีแนวโน้มที่สดใส ได้สร้างแรงกดดันทองคำเพิ่มติม เมื่อธนาคารยักษ์ใหญ่บางแห่งของวอลล์ สตรีท รวมถึง JP Morgan Chase คาดการณ์ว่าผลประกอบการโดยรวมของบริษัทบนกระดาน S&P 500 จะเติบโตประมาณ 21% ในไตรมาส 2 ซึ่งประเมินว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 1,252-1,261 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ อาจทำให้ราคาเกิดการอ่อนตัวลง ซึ่งการแกว่งตัวถือเป็นโอกาสให้เข้าซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ เบื้องต้นหากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับได้อย่างแข็งแกร่งนักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไร โดยควรรอราคาอ่อนลงแล้วค่อยเข้าซื้อในบริเวณแนวรับที่ 1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดโซนแนวรับดังกล่าวให้ชะลอการซื้อออกไปในบริเวณแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,222-1,213 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือบริเวณแนวต้าน 1,252 หรือ 1,261 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ และควรพิจารณาค่าเงินบาทที่มีการแกว่งตัวค่อนข้างมากเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ทองคำแท่ง (96.50%) แนวรับ 1,237 (19,450บาท) 1,222 (19,250บาท) 1,213 (19,100บาท) แนวต้าน 1,252 (19,750บาท) 1,261 (19,900บาท) 1,272 (20,050บาท) GOLD FUTURES (GFQ18) แนวรับ 1,237 (19,660บาท) 1,222 (19,420บาท) 1,213 (19,280บาท) แนวต้าน 1,252 (19,900บาท) 1,261 (20,040บาท) 1,272 (20,220บาท) หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ