อินโดรามา เวนเจอร์ส รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2561 และครึ่งแรกของปี 2561

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 8, 2018 09:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--อินโดรามา เวนเจอร์ส บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2561 และครึ่งแรกของปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ผลการดำเนินงานที่สำคัญ - รายได้จากการขายรวม 2,618 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 2/2561; ในครึ่งแรกของปี 2561 มีรายได้รวม 5,032 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบปีต่อปี - กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 398 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 2/2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากไตรมาสที่ 1/2561; EBITDA ในครึ่งแรกของปี 2561 อยู่ที่ 742 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 57 เมื่อเทียบปีต่อปี - กำไรสุทธิ (Net Profit) 259 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 2/2561; 443 ล้านเหรียญสหรัฐในครึ่งแรกของปี 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 109 เมื่อเทียบปีต่อปี - คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติเงินปันผลระหว่างกาลอยู่ที่ 0.70 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.56% เมื่อเทียบกับ 0.45 บาทต่อหุ้นในปีที่ผ่านมา - กำไรต่อหุ้น (EPS) ในรอบ 12 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 2/2561 อยู่ที่ 5.02 บาทต่อหุ้น – เพิ่มขึ้นร้อยละ 94 เมื่อเทียบปีต่อปี หลังจากจำนวนหุ้นใหม่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 จากการใช้สิทธิในใบสำคัญแสดงสิทธิ (warrants) - หนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิต่อทุน อยู่ที่ 0.45 และผลตอบแทนหลักจากการใช้เงินลงทุน (Core ROCE) อยู่ที่ร้อยละ 15.8 โดยใช้เกณฑ์ 12 เดือนล่าสุด ข้อมูลสรุป: ในไตรมาสนี้ เป็นอีกไตรมาสที่ไอวีแอลมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง มีการพัฒนาทั้งในส่วนปริมาณการผลิตและกำไรในทุกอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค สะท้อนให้เห็นถึง: - การพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ – ไอวีแอลยังคงขับเคลื่อนการเติบโตทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Necessities ที่มีปริมาณการผลิตสูงและกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ที่มีกำไรสูงและมั่นคง เพื่อการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืน บริษัทฯ มีการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมผ่านทางการเติบโตตามปกติ โครงการเพื่อความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติงาน การเข้าซื้อกิจการที่สร้างมูลค่าเพิ่มและยุทธศาสตร์การบูรณาการ ปัจจุบันไอวีแอลมีขนาดการดำเนินงานระดับโลกที่มีการบูรณาการภายในห่วงโซ่คุณค่าโพลีเอสเตอร์และบูรณาการกับผลิตภัณฑ์ HVA โดยมีส่วนประสมผลิตภัณฑ์และภูมิศาสตร์การดำเนินธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและเหมาะสม ไอวีแอลเป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีความหลากหลาย ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ Necessities ที่มีปริมาณการผลิตสูง (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของปริมาณการผลิตรวม สิ้นสุดไตรมาสที่ 2/2561) ซึ่งปัจจุบันมีกำไรที่ดีขึ้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA ที่มีกำไรสูงและมั่นคง (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของปริมาณการผลิตรวม สิ้นสุดไตรมาสที่ 2/2561) - การลงทุนอย่างมีกลยุทธ์ – บริษัทฯ มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 บริษัทฯ มีการเข้าซื้อกิจการ 6 แห่ง ได้แก่ การเข้าซื้อโรงงานผลิต PET ในประเทศบราซิลและอียิปต์ ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มรวม 1.1 ล้านตัน; บริษัท Avgol ซึ่งช่วยส่งเสริมกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA และส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล; บริษัท Kordarna เพื่อเสริมความเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมยางในรถยนต์ทั้งในยุโรปและทั่วโลก ทำให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมแรงสำหรับยางรถยนต์ได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น; บริษัท Medco ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ชั้นนำในประเทศอียิปต์ที่มีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า; และล่าสุดบริษัท Sorepla ซึ่งเป็นธุรกิจรีไซเคิลในประเทศฝรั่งเศส เพื่อตอบสนองความต้องการพลาสติก PET ที่เพิ่มขึ้น - การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและทิศทางการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรม – พื้นฐานอุตสาหกกรมยังคงเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์ PET ที่รีไซเคิลได้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ความสมดุลของปริมาณสินค้า และการปรับปรุงในอุตสาหกรรม PET ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้นับเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิตที่มีการบริหารจัดการที่ดีและมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าในสภาวะที่อุปทานในตลาดมีความตึงตัว การปรับปรุงโครงสร้างในวัฏจักรผลิตภัณฑ์ Commodity ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรในรอบ 12 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 2/2561 จากธุรกิจ Necessities อยู่ที่ 716 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่ากำไรจากธุรกิจ HVA ที่มีกำไร 540 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของกำไรในธุรกิจ Necessities - การพัฒนาอย่างยั่งยืน – เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนี FTSE และดัชนี Russell ประกาศว่า ไอวีแอลได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี FTSE4 Good Index 2018 และอยู่ในระดับผู้นำเมื่อเทียบกับบริษัทเคมีภัณฑ์ทั่วโลก - EBITDA ต่อตัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 156 เหรียญต่อตัน - ปริมาณการผลิต 2.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบปีต่อปีจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ถูกหักลบจากเหตุสุดวิสัยที่เกิดจกาการจัดหาวัตถุดิบบางส่วน - กำไรต่อหุ้น 1.45 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 161 เมื่อเทียบปีต่อปี หลังจากได้รับผลกระทบจากการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าว: "ผลการดำเนินงานเหล่านี้นับเป็นผลลัพธ์ที่น่ายินดี สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ทิศทางการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในธุรกิจ และการปรับปรุงโครงสร้างอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรม Necessities ภาพรวมของครึ่งหลังของปีนี้จะช่วยส่งเสริมผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เราคาดการณ์สภาวะตลาดที่ดีในปัจจุบันจะยังคงดีอย่างต่อเนื่อง เราจะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในทั้งสองกลุ่มธุรกิจหลัก เพื่อเสริมสร้างรากฐานของการสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน จากผลการดำเนินที่แข็งแกร่งในครึ่งแรกและการคาดการณ์การดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในครึ่งหลังของปีนี้ เราได้ปรับเพิ่มการประมาณการณ์ Core EBITDA ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 75 จากปี 2560 เป็น 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 ช่วงเวลานี้นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับไอวีแอล และผมเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถส่งมอบผลการดำเนินงานในระดับผู้นำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง" เกี่ยวกับ อินโดรามา เวนเจอร์ส บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Bloomberg ticker IVL.TB) เป็นหนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำระดับโลก มีโรงงานผลิตครอบคลุมภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ แอฟริกา เอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ Necessities และผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ทั้งในกลุ่มพอลิเมอร์ เส้นใยและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงมีการบูรณาการไปยังวัตถุดิบหลักอย่างเอทิลีนออกไซต์/ไกลคอล และ PTA ผลิตภัณฑ์ของไอวีแอลรองรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลส่วนบุคคล และอุตสาหกรรมยานยนต์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางในรถยนต์และผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานทั่วโลกราว 15,000 คนและมีรายได้จากการขายรวม 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 บริษัทฯ เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ (DJSI) ไอวีแอลมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยและมีโรงงานทั่วโลก อันได้แก่ ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา: เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี เดนมาร์ก ลิทัวเนีย โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ลักเซมเบิร์ก สเปน ตุรกี ไนจีเรีย กานา โปรตุเกส อียิปต์ อเมริกาเหนือ: สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แคนาดา เอเชีย: ไทย อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ