แอพเพิล เวลธ์ ลุ้นดัชนีเดือนต.ค.ชนเป้าหมาย 1,800 รับอานิสงส์ศก.ไทยฟื้น - เลือกตั้งใหม่ปี62หนุน แนะช้อปหุ้นแบงก์ ,รับเหมาก่อสร้าง,นิคมฯ เข้าพอร์ตลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 2, 2018 16:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--บล.แอพเพิล เวลธ์ บล.แอพเพิล เวลธ์ ประเมินแนวโน้มดัชนีหุ้นไทย เดือนต.ค.แกว่งตัวขาขึ้น สู่เป้าหมาย 1,800 จุด รับอานิสงส์เศรษฐกิจไทยฟื้น - เลือกตั้งใหม่ปี 62 แนะทยอยซื้อหุ้นใหญ่ กลุ่มแบงก์-รับเหมาก่อสร้าง และนิคมอุตสาหกรรม เข้าพอร์ตลงทุน นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค.นี้ น่าจะยังได้แรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจ คาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 4.5 % โดยมีปัจจัยเชิงบวกได้แก่ ทิศทางการส่งออกซึ่งคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 9% ขณะที่การลงทุนภาครัฐ-เอกชน รวมถึงการบริโภคมีแนวโน้มดีขึ้น แม้ว่าภาคท่องเที่ยวเริ่มเห็นส่งสัญญาณการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนส.ค. ที่ผ่านมาขยายตัวเพียง 3% ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลเร่งออกมาตรการฟื้นความมั่นใจนักท่องเที่ยวจีนในช่วงปลายปีนี้ สำหรับทิศทางค่าเงินบาท ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง จากตัวเลขการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่สูงระดับ 10% ของ GDP และน่าจะทำให้ตลาดเงินตลาดทุนไทย ผันผวนน้อยกว่าตลาดเกิดใหม่อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่จะสนับสนุนการลงทุนในเดือน ต.ค.นี้ คือ ความชัดเจนในการเลือกตั้งใหม่ในปีหน้า โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือน ก.พ. – พ.ค. 62 และช่วยกระตุ้นให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศคึกคัก ขณะที่ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์งวดไตรมาส 3/61 น่าจะเติบโตได้ประมาณ 4 -5%จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งการฟื้นตัวของสินเชื่อและการกันสำรองที่คาดจะลดลง ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี น่าจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันทรงตัวระดับ 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะเป็นผลบวกต่อกำไร บจ.ในกลุ่มพลังงาน ซึ่งอาจจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันราว 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล " จากปัจจัยบวกเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว และแรงกดดันสงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน น่าจะลดลง รวมถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นปี 62 ทำให้ประเมินตลาดหุ้นไทยช่วงปลายปีนี้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่ระดับ1,820 จุด" นายอภิชักล่าว ส่วนกลยุทธ์การลงทน แนะนำซื้อหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน การเลือกตั้ง เช่น กลุ่มธนาคาร ได้แก่ BBL, KTB, KKP เนื่องจากสินเชื่อน่าจะขยายตัวได้ดี และมีผลกระทบน้อยจากค่าธรรมการโอนฟรี โดย KKP ได้แรงหนุนจากการเป็นที่ปรึกษาการเงินกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ และได้ค่าธรรมเนียม IPO ของหุ้นโอสถสภา หุ้นรพ.พระราม 9 กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น CK, STEC, UNIQ, SEAFCO, PYLON โดยได้แรงหนุนจาก TOR โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุด สนามบินอู่ตะเภา ช่วง ต.ค. – พ.ย. และ กลุ่มนิคมฯ เช่น AMATA, WHA จะได้แรงหนุนจากร่างผังเมืองเขตเศรษฐกิจ EEC ซึ่งจะเสร็จใน พ.ย.นี้ รวมถึงการเริ่มเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ