อินโดรามา เวนเจอร์ส เข้าซื้อกิจการบริษัท Medco Plast for Packing และบริษัท Packaging Systems S.A.E ในสัดส่วนร้อยละ 74 จากบริษัท Middle East Glass Manufacturing Co. และตระกูล Samaha

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 14, 2018 09:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--อินโดรามา เวนเจอร์ส บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ประกาศเสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการร้อยละ 74 ในบริษัท Medco Plast for Packing และบริษัท Packaging Systems S.A.E. (Medco Plast) จากบริษัท Middle East Glass Manufacturing Co. S.A.E. (MEG) และตระกูล Samaha โดยหลังจากการเข้าซื้อกิจการ MEG จะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใน Medco Plast ร้อยละ 16 และตระกูล Samaha ถือในสัดส่วนร้อยละ 10 Medco Plast เป็นผู้ผลิตพลาสติกขึ้นรูปขวดหรือพรีฟอร์ม PET ที่สามารถรีไซเคิลได้ ผลิตภัณฑ์ที่ฉีดขึ้นรูปได้ และฝาจุกเกลียวรายใหญ่ที่สุดในประเทศอียิปต์ โดยให้บริการลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติผู้ผลิตน้ำอัดลมและน้ำดื่ม และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 25 ปัจจุบันบริษัท Medco Plast มีสายการผลิตที่ทันสมัยจำนวน 11 แห่ง และมีกำลังการผลิตพลาสติกขึ้นรูปขวด PET รวม 70,000 เมตริกตันต่อปี อียิปต์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาและความหลากหลายทางเศรษฐกิจมากที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5 และยังเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกของกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาค COMESA ประกอบกับสถานที่ตั้งซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา (EMEA) และเอเชียเข้าด้วยกัน จึงทำให้ประเทศอียิปต์เป็นเสมือนประตูสู่ตลาดแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาเหนือที่มีข้อตกลงทางการค้าที่เอื้อประโยชน์ การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าสู่ตลาดบรรจุภัณฑ์ PET ในแอฟริกาตะวันออก ซึ่งจะช่วยเสริมการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไนจีเรียและกานาในแอฟริกาตะวันตกอีกด้วย อินโดรามา เวนเจอร์สจะนำความรู้ความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเสริมความเป็นผู้นำของ Medco Plast และสร้างการเติบโตในฐานะผู้ผลิตชั้นนำในภูมิภาค นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าว "การเข้าซื้อกิจการ Medco สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของอินโดรามา เวนเจอร์สที่มุ่งการสร้างการเติบโตและขยายการดำเนินงานในตลาดประเทศเกิดใหม่ Medco มีความแข็งแกร่งในตลาดภายในประเทศและมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องดื่มที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศอียิปต์ ทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และเป็นรากฐานในการสร้างการเติบโตเพิ่มเติมในอนาคตในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา" Mr. Abdul Galil Besher ประธานบริษัท MEG กล่าว "เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศการดำเนินธุรกิจร่วมกับอินโดรามา เวนเจอร์ส ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางเทคนิคและการบริหารธุรกิจ รวมทั้งความสามารถในการบริหารจัดการ เพื่อปฏิรูป Medco ให้ก้าวไปสู่การเป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เวชภัณฑ์ และการดูแลส่วนบุคคลในภูมิภาค และที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะช่วยให้ MEG ลดภาระภายหลังจากการเดินหน้าเข้าซื้อกิจการตั้งแต่ปี 2557 และหันมามุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและผลการดำเนินงานในธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเรา" Mr. Mohamed Samaha ผู้ก่อตั้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นบริษัท Medco กล่าว "ผมมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือกับบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จะช่วยขับเคลื่อนและส่งเสริมแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมาย เราหวังว่าจะได้ร่วมมือกับไอวีแอลในการปลดล็อคศักยภาพของ Medco ออกมาได้อย่างเต็มที่" บริษัท HC Securities and Investment ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัท MEG และตระกูล Samaha แต่เพียงผู้เดียว และบริษัท Matouk Bassiouny & Hennawy ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับบริษัท MEG และบริษัทกฎหมาย Shehata ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายให้กับตระกูล Samaha ในขณะที่บริษัท Baker & McKenzie ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายให้กับบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส เกี่ยวกับ อินโดรามา เวนเจอร์ส บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Bloomberg ticker IVL.TB) เป็นหนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำระดับโลก มีโรงงานผลิตครอบคลุมภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ แอฟริกา เอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ Necessities และผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ทั้งในกลุ่มพอลิเมอร์ เส้นใยและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงมีการบูรณาการไปยังวัตถุดิบหลักอย่างเอทิลีนออกไซต์/ไกลคอล และ PTA ผลิตภัณฑ์ของไอวีแอลรองรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลส่วนบุคคล และอุตสาหกรรมยานยนต์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางในรถยนต์และผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานทั่วโลกราว 16,000 คนและมีรายได้จากการขายรวม 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 บริษัทฯ เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ (DJSI) บริษัทฯ เป็นสมาชิกดัชนีดาวโจนส์ (DJSI) และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยและมีโรงงานทั่วโลก อันได้แก่ ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา: เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี เดนมาร์ก ลิทัวเนีย โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ลักเซมเบิร์ก สเปน ตุรกี สโลวาเกีย โปรตุเกส รัสเซียไนจีเรีย กานา อียิปต์ อิสราเอล อเมริกาเหนือ: สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แคนาดา บราซิล เอเชีย: ไทย อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ