กรุงไทยมองเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 4.1% ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 18, 2019 11:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงไทย คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตต่อเนื่องที่ 4.1% เป็นไปในทิศทางเดียวกับ สคช. โดยภาคอุตสาหกรรมมีแรงปะทะมากขึ้นจากการเก็บภาษีระหว่างจีนและสหรัฐฯ พบผลสำรวจนักวิเคราะห์เริ่มให้คำเตือนการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ แนะผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือยอดสั่งซื้อที่มีแนวโน้มลดลงและการแข่งขันด้านราคาที่อาจเพิ่มขึ้น และประเมินว่าแบงก์ชาติจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75%ต่อปี ในช่วงครึ่งปีแรก ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตที่ 4.1% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) ที่รายงานว่าเศรษฐกิจไทยปี 2561 ที่ผ่านมาเติบโต 4.1% และประมาณการปี 2562 ไว้ที่ 3.5-4.5% โดยความเสี่ยงหลักในช่วง 6 เดือนข้างหน้า มาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และหากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯยังไม่มีทางออกที่ดี จะเป็นปัจจัยกดดันภาคอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรก การใช้นโยบายรัฐช่วยพยุงเศรษฐกิจยังมีความจำเป็น ความต่อเนื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณด้านการลงทุนของภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง "อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่าจะไม่สูงกว่าปีที่ผ่านมา เป็นเพราะเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณจะชะลอตัวลง โดย IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกจากเดิม 3.7% เหลือ 3.5% นักวิเคราะห์เริ่มให้คำเตือนถึงโอกาสการเกิดเศรษฐกิจถดถอย หรือRecession โดยผลการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ในเดือนมกราคม ให้โอกาสการเกิด Recession ในสหรัฐฯ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าที่ 26% เพิ่มขึ้นมากจากระดับ 14% ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างชัดเจน การส่งออกของไทยจึงมีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกัน ทั้งนี้ภาคอุตสาหกรรมมีแรงปะทะมากขึ้น จากการเก็บภาษีนำเข้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้น เห็นได้จากการชะลอคำสั่งซื้อจากคู้ค้าในประเทศจีน กำลังซื้อของประเทศตลาดเกิดใหม่รวมถึงอาเซียนที่อาจชะลอตาม ดังนั้นผู้ประกอบการควรเตรียมตัวกับยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มลดลง การแข่งขันด้านราคาที่น่าจะเพิ่มขึ้น" ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ประเมินต่อไปว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75%ต่อปี ในช่วงครึ่งปีแรก เพื่อพิจารณาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและสงครามการค้า การปรับตัวของตลาดเงินและตลาดทุน หลังเฟดส่งสัญญาณว่าจะระมัดระวังในการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง จนทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็ว รวมทั้งมาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV limit) ที่จะเริ่มบังคับใช้ในเดือนเมษายนนี้ อย่างไรก็ตาม หากผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้ไม่รุนแรง คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2%ต่อปี ในช่วงครึ่งปีหลัง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ