"โครงการเดอะ ปาร์ค" ชูแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมลดมลภาวะในเมืองด้วยมาตรฐานสถาปัตยกรรม LEED และ WELL

ข่าวอสังหา Friday April 5, 2019 14:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ - มาตรฐาน LEED และ WELL กลายเป็นเทรนด์ที่อาคารต่างๆ ให้ความสำคัญ เพื่อสู้กับมลภาวะในเมืองและสร้างอากาศบริสุทธิ์ภายในอาคาร เน้นการประหยัดพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน - โครงการอสังหาฯ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่าง เดอะ ปาร์ค (The PARQ ) มุ่งเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลดมลพิษและสร้างสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน พร้อมร่วมผลักดันกรุงเทพฯ ไปสู่ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ในอาเซียน จากวิกฤตมลพิษฝุ่นละอองอนุภาคขนาดเล็ก ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ที่ปกคลุมทั่วกรุงเทพฯ และหลายจังหวัดในประเทศไทย ส่งผลให้คนไทยใส่ใจต่อความสำคัญของอากาศบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก การแก้ไขในระยะยาวเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน จึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนควรร่วมกันดำเนินการ จากผลสำรวจของนีลเส็น ประเทศไทย (Nielsen Thailand) ร่วมกับ เดอะ ปาร์ค (The PARQ ) โครงการที่พัฒนาโดยบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด และบริหารงานโดย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) ในหัวข้อเทรนด์ล่าสุดของชาวออฟฟิศเมืองกรุง เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าคุณภาพอากาศในอาคารที่ย่ำแย่คือปัจจัยหลักที่เหล่าพนักงานออฟฟิศกังวล โดยปัจจัยสำคัญที่คนกรุงฯ ลงความเห็นว่ามีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิต คือ คุณภาพอากาศในอาคารที่ดี (64%) ตามด้วยการเข้าถึงแสงธรรมชาติและสามารถมองเห็นวิวภายนอกอาคารได้ (45%) และการมีพื้นที่สีเขียวสำคัญเป็นอันดับ 3 (40%) ผลสำรวจยังพบอีกว่าพนักงานออฟฟิศในกรุงเทพฯ กว่า 90% ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในอาคาร ดังนั้นอาคารจึงต้องมีสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีและเอื้อต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทยจึงหันมาใส่ใจการสร้างสถาปัตยกรรมยั่งยืนและอาคารสีเขียว ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารระดับสากล อย่าง LEED และ WELL มากขึ้น เป็นการมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต ที่มาพร้อมกับอากาศที่บริสุทธิ์ในอาคารนั่นเอง "จุดยืนของเราในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คือความใส่ใจและมุ่งยกระดับชีวิตของผู้คนที่ใช้เวลาอยู่ในอาคารอย่างรอบด้าน ทั้งการออกแบบที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้ใช้อาคารเป็นหัวใจสำคัญ และการออกแบบตามแนวคิดสถาปัตยกรรมยั่งยืน ไปจนถึงการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ใส่ใจหลักปฏิบัติต่างๆ เพื่อมุ่งหวังให้ผู้ใช้อาคารมีสุขภาวะที่ดีขึ้น เพราะความยั่งยืนนั้นต้องครอบคลุมทั้งทรัพยากรสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรมนุษย์ ถ้าทั้งสองอย่างไปได้ดี มาตรฐานคุณภาพชีวิตของผู้คนจะดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน" นางสาวซู หลิน ซูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการเดอะ ปาร์ค (The PARQ) กล่าว LEED และ WELL มาตรฐานอาคารที่ใส่ใจผู้คนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มาตรฐานอาคาร LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) คือมาตรฐานอาคารสีเขียวที่ได้รับ การยอมรับระดับสากลและนิยมไปทั่วโลก เป็นมาตรฐานที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์อย่างยั่งยืน ตั้งแต่ ต้นน้ำยันปลายน้ำ เช่น การใช้นวัตกรรมวัสดุก่อสร้างซึ่งเน้นอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงาน การลดการปล่อยมลภาวะ และการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สอดคล้องกับบริบททางสังคมปัจจุบันที่หลายบริษัทต่างกำลังมองหาพื้นที่สำนักงานระดับคุณภาพ เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตในองค์กร และยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรให้สูงขึ้น มาตรฐานอาคาร WELL บุกเบิกวงการสถาปัตยกรรมด้วยการเป็นมาตรฐานอาคารที่มอบคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้นให้ผู้ใช้อาคาร ด้วยการปฏิวัติแนวคิดและการออกแบบอาคารสมัยใหม่เต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง ไปจนถึงระบบระบายอากาศและแสงสว่าง เน้นบูรณาการแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการก่อสร้างและการออกแบบ เข้ากับการวิจัยทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้คน ข้อมูลของ Global Wellness Institute (GWI) เมื่อปี พ.ศ. 2560 เปิดเผยว่าในภาพรวมทั่วโลก พื้นที่ของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จดทะเบียนกับ WELL แล้วนั้นมีมากกว่า 224 ล้านตารางฟุต สะท้อนถึงกระแสสุขภาพที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่องในระดับสากล มาตรฐาน WELL ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับสากล International Well Building Institute (IWBI) ส่วนมาตรฐาน LEED นั้นได้รับการรับรองโดยสภาอาคารเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา (US Green Building Council) ซึ่งทั้งสองมาตรฐานนั้นมีหลายระดับ โดยข้อมูลจาก GBIG เผยว่ามีอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพียง 20 โครงการเท่านั้นที่ได้รับการรับรองระดับสูงสุด LEED Platinum แม้ว่าจะยังมีไม่มาก แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา การยื่น จดทะเบียนอาคารที่ได้การรับรองมาตรฐาน LEED ในไทยนั้นพุ่งสูงขึ้นถึง 70% เลยทีเดียว ความคืบหน้าของสถาปัตยกรรมสีเขียวในกรุงเทพฯ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการรับรองทั้ง LEED และ WELL ในประเทศไทยนั้นไม่เพียงแค่ผลักดันมาตรฐานใหม่ในการใช้ชีวิตและการทำงานเท่านั้น แต่ยังโดดเด่นด้วยบริการสมาร์ทเซอร์วิสแบบครบวงจร เช่น บริการน้ำดื่มกรองที่สะอาดปลอดภัยในอาคาร มีแสงธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แสงสะท้อนต่ำช่วยลดความล้าของสายตา เสริมประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก บริการเพื่อสุขภาพต่างๆ ศูนย์อาหารที่มีตัวเลือกหลากหลาย สปาและยิม รวมไปถึงนิทรรศการศิลปะ และพื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ โครงการเดอะ ปาร์ค (The PARQ ) จึงมุ่งที่จะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกในประเทศไทยที่เพียบพร้อมด้วยมาตรฐาน LEED และ WELL ควบคู่กัน ตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลทอง ติดกับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และยังเชื่อมต่อกับสถานี MRTสถานีศูนย์สิริกิติ์และสวนเบญจกิติ ถือเป็นย่านที่มีศักยภาพบนระเบียงนวัตกรรม (Innovation Corridor) เส้นพระรามสี่ โครงการเดอะ ปาร์ค (The PARQ ) จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอาคารสำนักงาน และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนวัยทำงานที่ต้องการความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว สอดรับกับแนวคิดของโครงการ "Life Well Balanced" อย่างลงตัว ภายในโครงการ The PARQ (เดอะ ปาร์ค) จะติดตั้งระบบกรองอากาศประสิทธิภาพสูง ควบคุมจุลินทรีย์และเชื้อรา เพื่อให้คุณภาพอากาศภายในอาคารนั้นคงที่ ที่ประตูทางเข้าทั้ง 6 จุดมีระบบความดันอากาศเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากอากาศภายนอกอาคาร พร้อมระบบเซ็นเซอร์ที่คอยตรวจสอบและควบคุมแรงดันอากาศ เพื่อให้อากาศไหลเวียนและถ่ายเทอย่างสม่ำเสมอ ผลของการเป็นอาคารอนุรักษ์พลังงานนั้นส่งผลกระทบออกไปในวงกว้าง ทั้งทำให้คุณภาพอากาศในเมืองดีขึ้น ลดการปล่อยความร้อน และบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดจากการก่อสร้างเฟสต่างๆ เมื่อมองในมุมของผู้เช่าอาคาร นอกจากคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นแล้ว มีผลดีอีกมากมายที่ได้จากอาคารประหยัดพลังงาน สมาร์ทเซอร์วิสแบบครบวงจร และบริการต่างๆ เช่น สถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า บริการน้ำดื่มสะอาด และพื้นที่สีเขียว ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนช่วยลดค่าดำเนินการของผู้ประกอบการ รวมถึงดึงดูดบุคลากรใหม่ๆ และรักษาบุคลากรที่มีค่าไว้กับองค์กรได้นานขึ้นอีกด้วย "โครงการเดอะ ปาร์ค (The PARQ ) จะสร้างมาตรฐานคุณภาพชีวิตใหม่ให้กับคนทำงาน ด้วยการเป็นอาคารที่มีระบบเทคโนโลยีสุดทันสมัย ใส่ใจ สุขภาวะของผู้คนในอาคาร และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การตั้งเป้าที่จะเป็นออฟฟิศแห่งแรกในไทยที่ได้การรับรองมาตรฐานทั้ง LEED และ WELL ควบคู่กันจึงถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในการเป็นอาคารสำนักงานและพื้นที่สำหรับไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด" นางสาวซู หลิน ซูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการเดอะ ปาร์ค (The PARQ) กล่าวสรุป การออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างยั่งยืนของโครงการเดอะ ปาร์ค (The PARQ ) ที่สร้างขึ้นตามมาตรฐานอาคารจากทั้ง LEED และ WELL จึงมีศักยภาพในการดึงดูดบริษัทชั้นนำ เพื่อร่วมผลักดันกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ในภูมิภาคอาเซียนต่อไป หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ: * WELL: มาตรฐานอาคาร WELL เป็นมาตรฐานระดับสูงสุดที่ใช้กับอาคาร การออกแบบพื้นที่ภายในและชุมชน มุ่งเน้นให้เกิดการออกแบบส่วนประกอบเพื่อการใช้งาน สร้างให้เกิดความสมบูรณ์ และการวัดผลที่สนับสนุนและพัฒนาสุขภาพและสวัสดิภาพของมนุษย์ กำหนดมาตรฐานโดยสถาบัน International WELL Building Institute ซึ่งตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดีซี * LEED: Leadership in Energy and Environmental Design หรือ LEED เป็นระบบการจัดเรตติ้งที่คิดขึ้นโดยสภาการก่อสร้างอาคารสีเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Green Building Council – USGBC) เพื่อประเมินผลงานด้านสิ่งแวดล้อมของอาคาร และส่งเสริมวงการให้เปลี่ยนผ่านไปสู่การออกแบบที่ยั่งยืน The PARQ (เดอะ ปาร์ค) เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูสผสานพื้นที่สำนักงานและค้าปลีก มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท บนถนนพระรามสี่ มุ่งหวังที่จะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานอาคาร LEED Gold และ WELL Gold ควบคู่กัน โครงการ เดอะ ปาร์ค แบ่งเป็น 'The PARQ Workplace' พื้นที่สำนักงานเกรดเอ ที่มีพื้นที่ให้เช่าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ด้วยขนาดถึง 5,000 ตารางเมตรและปราศจากเสาภายใน และ 'The PARQ Life' พื้นที่ร้านค้าปลีกระดับพรีเมียม พร้อมด้วยอาหารสุขภาพหลากหลาย ร้านค้าที่ดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนบริการด้านสุขภาพและความงามที่ครบครัน โครงการนี้ยังผสมผสานสถาปัตยกรรมล้ำสมัย การออกแบบที่ยั่งยืน และบริการสมาร์ทเซอร์วิสแบบครบวงจรเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้วิสัยทัศน์ "Life Well Balanced" มุ่งสรรสร้างพื้นที่มิกซ์ยูสที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและปฏิวัติรูปแบบของการทำงานและการใช้ชีวิตในเมือง เดอะ ปาร์ค เป็นโครงการที่พัฒนาโดยบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด และบริหารโดย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเดอะ ปาร์ค สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.theparq.com บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด (ทีซีซี แอสเซ็ท) เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร มีทุนจดทะเบียนหนึ่งหมื่นล้านบาท จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2556 โดยเป็นส่วนหนึ่งของทีซีซี กรุ๊ป หนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไทย รูปแบบการลงทุนของ ทีซีซี แอสเซ็ท มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ โดย ทีซีซี แอสเซ็ท บริษัทย่อย และบริษัทในเครือ เน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และพื้นที่ร้านค้าปลีก ควบคู่ไปกับธุรกิจโรงแรม และบริการที่เกี่ยวเนื่องทางด้านไอที ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทีซีซี แอสเซ็ท โปรดไปที่ www.tccassets.com เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ("เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้" รวมถึงบริษัทย่อยในเครือเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้) เป็นบริษัทพัฒนาและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรระดับสากล โดยจดทะเบียนในกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (The Singapore Exchange Securities Trading Limited, "SGX-ST") และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ มีสินทรัพย์รวม 33,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 761 ล้านบาท) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 สินทรัพย์ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย อาคารสำนักงาน พื้นที่ร้านค้าปลีก และเขตอุตสาหกรรม ในออสเตรเลีย ยุโรป จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังดำเนินธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ในกว่า 80 เมืองทั่วภูมิภาคเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านความรู้และความเชี่ยวชาญในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างมูลค่าและพัฒนาสินทรัพย์หลากหลายประเภท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ยังเป็นผู้สนับสนุนสามกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รวมถึงกองทุนสำคัญที่อยู่ในลิสต์ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX-ST) ในส่วนของกองทุน Frasers Centrepoint กองทุน Frasers Commercial และกองทุน Frasers Logistics & Industrial มุ่งเน้นที่อสังหาริมทรัพย์พื้นที่ค้าปลีก พื้นที่เชิงพาณิชย์ และพื้นที่สำหรับการขนส่งและโรงงานอุตสาหกรรม ตามลำดับ ส่วนกองทุน Frasers Hospitality (ประกอบด้วยกองทุน Frasers Hospitality Real Estate Investment เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ และกองทุน Frasers Hospitality Business) เป็นอีกกองทุนสำคัญที่เน้นพัฒนาพื้นที่ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โปรดไปที่ www.frasersproperty.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ