กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ยกระดับร้านอาหารริมบาทวิถี นำร่อง ด้วยกิจกรรม Street Food On Tour ตอกย้ำความเป็นมืออาชีพ พร้อมตราสัญลักษณ์ "มอช ร้านนี้มีมืออาชีพ" เดินสายหัวเมืองต่างจังหวัดทั่วประเทศ ต่อยอดผู้ประกอบอาหารริมบาทวิถี หรือ Street Food ที่ได้รับใบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพและหนังสือรับรองมาตรฐานอาชีพ ผลักดันการสร้างมืออาชีพ ภายใต้ความร่วมมือกับ สถาบันอาหาร สมาคมฟู้ดทรัคแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน และ SME D BANK ร่วมผลักดันต่อยอดผู้ประกอบอาหารริมบาทวิถี หรือ Street Food ที่ผ่านการประเมินสมรรถนะ ได้รับใบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพและหนังสือรับรองมาตรฐานอาชีพ การันตีคุณภาพ "ร้านนี้มีมืออาชีพ" เน้นความสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค
นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวว่า "สคช. ได้ร่วมมือกับภาคีร่วมในการผลักดันให้กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารริมบาทวิถี รวมถึง ผู้ประกอบการฟู้ดทรัค ในการขับเคลื่อนและยกระดับมาตรฐาน ซึ่งผู้ผ่านการรับรองมาตรฐานดังกล่าว จะได้รับตรา "มอช" จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อเป็นการยืนยันความสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ที่ผ่านมา สคช. เป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดยกระดับผู้ประกอบการร้านอาหารริมบาทวิถีในประเทศไทยให้มีมาตรฐานและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค รวมถึง การจัดกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อให้ Street Food มืออาชีพ สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค และในระยะอันใกล้นี้ สคช. จะนำร่องเดินสายในการนำความเป็นมืออาชีพไปสร้างการบริการที่ประทับใจแก่ทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการตอกย้ำว่า Street Food ของไทยมีมาตรฐานสากล นอกจากนี้ สคช. ยังได้ร่วมมือกับธนาคารออมสินและ SME D Bank เพื่อต่อยอด เติมทุน และเติมคุณภาพชีวิตให้กับผู้ประกอบการอาชีพอิสระ และจะขยายไปยังอาชีพอื่นๆ อีกหลายสาขาวิชาชีพ"
นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวเสริมว่า "สคช. ยกระดับผู้ประกอบอาหารริมบาทวิถี หรือ Street Food โดยจัดกิจกรรม Street Food On Tour รวมผู้ที่ผ่านสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพ และได้รับใบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพและหนังสือรับรองมาตรฐานอาชีพ สาขาผู้ประกอบอาหารริมทาง และได้รับตราสัญลักษณ์"มอช" ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจว่าร้านนี้มืออาชีพ สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานตามแนวทางที่เป็นสากล Street Food On Tour จะสัญจรไปตามสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดต่างๆ และหัวเมืองทั่วประเทศ ทั้งนี้ การยกระดับอาหารริมบาทวิถีในประเทศไทย จะเป็นการยกระดับ Street Food ของไทยเป็น World Destination เพราะผู้ประกอบอาหารริมทางหรือริมบาทวิถีเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสู่ประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้จัดอันดับให้กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ของเมืองที่อาหารริมทางหรือ Street Food ที่ดีที่สุดของโลกจาก 23 เมืองทั่วโลก ดังนั้น การพัฒนาและยกระดับ Street Food ให้มีมาตรฐาน "มอช" จะเป็นเครื่องการันตีและสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศและรายได้ของประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น"
ด้านนายชุมพล แจ้งไพร หัวหน้าคณะทำงานจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร สาขาการให้บริการอาหาร อาชีพผู้ประกอบอาหารริมบาทวิถีและผู้อำนวยการโรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี กล่าวว่า "ตราสัญลักษณ์"มอช" เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของ สคช.ที่พยายามจะช่วยผลักดันทุกอาชีพในการสร้างมาตรฐาน ซึ่งกิจกรรม Street Food On Tour ตอกย้ำศักยภาพความเป็นมืออาชีพของ Street Food ไทยที่ติดอันดับ 1 ของโลก ถือเป็นกิจกรรมที่ดีในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค เมื่อเห็นตราสัญลักษณ์"มอช" ที่บ่งบอกความเป็นมืออาชีพ ทั้งในเรื่องคุณภาพของส่วนผสม วัตถุดิบก่อนนำมาประกอบอาหาร เพื่อรสชาติอร่อยถูกปากผู้บริโภค รวมถึงการกำจัดขยะอาหารเหลือ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผมต้องการร่วมผลักดันให้คนในอาชีพมีมาตรฐานอาชีพ การรองรับสมรรถนะของบุคคล เพื่อภูมิใจในความเป็นมืออาชีพ เพราะนี่คือการพัฒนาตัวเองและพัฒนาอาชีพของทุกทุกคน เพื่อการยอมรับในระดับสากล"
ซึ่งการจะได้รับมาตรฐาน "มอช" เพื่อบ่งชี้ถึงความเป็นมืออาชีพจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพนั้น ต้องผ่านการประเมินตามมาตรฐานอาชีพในแต่ละมาตรฐาน ปัจจุบัน มีมากถึง 400 อาชีพ ที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้ดำเนินการจัดทำ โดยผ่านองค์กรรับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพทั่วประเทศ โดยใช้แนวทางมาตรฐาน ISO/IEC 17024 การรับรองบุคลากรเป็นหลักในกระบวนการประเมิน ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่า บุคลากรที่ผ่านการประเมิน จะผ่านขั้นตอน อย่างมีมาตรฐานตามแนวทางที่เป็น และมาตรฐาน "มอช" จะเป็นเครื่องหมายในการยืนยันความเป็นมืออาชีพในแต่ละสาขาอาชีพได้เป็นอย่างดี เกิดประโยชน์ในทุกมิติ ทั้งนายจ้าง ผู้ใช้บริการ และภาครัฐ กล่าวคือ นายจ้างมั่นใจได้ว่าลูกจ้างสามารถทำงานได้อย่างมีสมรรถนะตามที่มาตรฐานอาชีพกำหนด ผู้ใช้บริการ จะเชื่อมั่นได้ว่า ผู้ให้บริการสามารถให้บริการอย่างมีมาตรฐาน มีความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง และเมื่อบุคลากรในประเทศมีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้การขับเคลื่อนประเทศเป็นไปอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม