JUBILE อวดงบไตรมาสแรก ปี 62 รายได้พุ่ง อวดกำไรเจิดจรัส 13.7% ยอดขายสาขาเดิม สาขาใหม่โตโดดเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 13, 2019 14:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--IR PLUS ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE) ยิ้มรับผลงานไตรมาสแรกของปีนี้ โชว์กำไรไตรมาสแรก 13.7% อยู่ที่ 52.9 ล้านบาท รายได้โตเด่น 12.9% อยู่ที่ 386 ล้านบาท จากการเสริมกลยุทธ์การบริหาร แบรนด์ดิ้ง นวัตกรรมทางด้านผลิตภัณฑ์ ทำให้รายได้จากสาขาเดิมโตโดดเด่นและเพิ่มรายได้จากสาขาใหม่ ดันยอดขายไตรมาสแรกเติบโตเกินเป้า คาดเปิดปีนี้เพิ่ม 5 สาขา ปักหมุดแลนด์มาร์คจุดท่องเที่ยวหลักในปท. พร้อมเทคโนโลยี "ยูบิลลี่ ไอโมเม้นท์" แหวนเพชรผสาน AI เป็นครั้งแรกของโลก ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ทั้งไทยและตปท. ยิ้มรับเดินถูกทางแผนในการใช้ข้อมูลมาบริหารสร้างกลยุทธ์ เข้าถึงความต้องการลูกค้าได้ตรงใจ แย้มภาพรวมครึ่งปีหลังโตต่อ นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาส 1/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.6 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 47.6% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 13.7% เป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากการขายจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 44.2 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 12.9 % มาอยูที่ 386 ล้านบาท สาเหตุหลัก มาจากการเสริมกลยุทธ์การบริหาร และสร้างกลยุทธ์ใหม่ในการเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิมโตโดดเด่น และได้แรงหนุนจากยอดขายของสาขาใหม่อีกด้วย จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ ในฐานะผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับเพชรและเพชรกะรัตที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ ในภาพรวมของไตรมาสที่ 1 ผู้บริโภคมีทิศทางเชิงบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยจากเทศกาลตรุษจีนและวาเลนไทน์ และบริษัทฯได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงความต้องการ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาด ผ่านแคมเปญกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้า โดยในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตในเบื้องต้น 5-8% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ราว 1,550 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GP) ให้อยู่ในระดับสูงกว่า 40% เน้นกลยุทธ์การเพิ่มรายได้จากสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ คาดทั้งปีเตรียมเปิดสาขาเพิ่ม 5 สาขา อีกทั้งเน้นการเพิ่มลูกค้าใหม่และเพิ่มจำนวนรายการขายเพื่อสนับสนุนการเติบโตควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีต่อไป ทั้งนี้ปัจจุบัน บริษัทมีสาขารวมกันทั้งสิ้น 131 สาขา ทั่วประเทศ แบ่งเป็นแบรนด์ยูบิลลี่ ไดมอนด์ (Jubilee Diamond) 126 สาขา และแบรนด์ฟอร์เอเวอร์ มาร์ค (Forevermark) 5 สาขา และมีฐานสมาชิก The Sparkling Club ราว 160,000 คน "ภาพรวมธุรกิจไตรมาสแรกของปีนี้ มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยภายใน เช่นการบริหารจัดการด้านกลยุทธ์ขององค์กร และปัจจัยภายนอก อย่างบรรยากาศการจับจ่ายสินค้าในช่วงเทศกาลมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯเปิดสาขาใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.พะเยา และห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ป่าตอง จ.ภูเก็ต ซึ่งที่ภูเก็ตนี้เป็นจุดแลนด์มาร์คของนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์จากทั่วโลก คาดว่าจะส่งผลบวกให้กับบริษัทฯ ได้ในระยะยาวด้วย อีกทั้งเทคโนโลยี ใหม่ "ยูบิลลี่ ไอโมเม้นท์" แหวนเพชรผสาน AI เป็นครั้งแรกของโลก สามารถสร้างความประทับใจและตอบโจทย์การใช้งานเครื่องประดับให้กับลูกค้ารุ่นใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมเผยภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังเป็นไปในทิศทางบวก จากแผนธุรกิจที่ได้วางไว้และความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลังการจัดตั้งรัฐบาล" นางสาวอัญรัตน์ กล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมต่อเนื่องทั้งปี เพื่อกระตุ้นยอดขาย และเน้นย้ำแบรนด์ ผ่านคุณภาพสินค้า โดยร้านยูบิลลี่ สาขาสะพานเหล็ก ซึ่งถือว่าเป็นสาขาแรกในการเปิดตลาดธุรกิจค้าขายเครื่องประดับเพชรในเมืองไทย ได้เตรียมปรับโฉมใหม่ ตอบรับกับรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินที่กำลังจะเปิด โดยคาดว่าจะได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม ในช่วงนี้ ประกอบกับมีแคมเปญ Clearance Sale ลดทั้งร้านมากกว่า 50% ก่อนปรับโฉมใหม่ พร้อมรับส่วนลดเพิ่มจากบัตรเครดิต และร่วมโปรโมชั่นกับบัตรเครดิตชั้นนำมากมาย และสิทธิพิเศษเพิ่มสำหรับสมาชิก The Sparking Club โดยเปิดให้ช้อปได้ถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้เท่านั้น ด้านความคืบหน้าของการเพิ่มช่องทางขายออนไลน์ของบริษัทเองผ่าน www.jubileediamond.co.th นั้น อยู่ในช่วงเตรียมการพัฒนาระบบที่สมบูรณ์แบบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้ในทุกช่องทาง คาดพร้อมใช้งานในไตรมาส 3/2562 นี้ จึงมั่นใจภาพรวมธุรกิจทั้งปี 2562 จะสามารถเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง นอกจากนั้น ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ลงทุนและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ที่สามารถเรียกดูข้อมูล (Structures data) แบบเรียลไทม์ได้ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากสมาชิก The Sparkling Club กว่า 160,000 คน เพื่อหาความต้องการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงใจ มากที่สุด เนื่องจากข้อมูลที่รวบรวมมานั้น สามารถนำมาวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วจะส่งผลไปยังการบริหารจัดการ ควบคุมต้นทุนต่างๆ และสามารถเชื่อมโยงไปถึงความสามารถในการทำกำไรอีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ