บลจ.กสิกรไทย แนะ K-GINCOME สตรองทุกภาวะผันผวน พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษ 25 ก.ค. – 25 ก.ย.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 31, 2019 15:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--บลจ.กสิกรไทย นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในช่วงนี้ยังคงมีความผันผวนจากประเด็นระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน และ Brexit ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม จึงยากต่อการจับจังหวะการลงทุน ซึ่งทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนภายใต้ภาวะตลาดที่มีผันผวนเช่นนี้ ควรกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อให้สินทรัพย์แต่ละประเภทสร้างผลตอบแทนในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน อีกทั้งควรมีการปรับสัดส่วนการลงทุนให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ หากผู้ลงทุนไม่มีเวลาติดตามข่าวสารเพื่อกระจายการลงทุนและปรับสัดส่วนด้วยตัวเอง บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม (K-GINCOME) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนเพื่อสร้างรายรับที่ดีด้วยความเสี่ยงที่เหมาะสม (Risk – Adjusted Income) นายสุรเดชกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-GINCOME มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Investment Funds – Global Income Fund, Class A (mth) – EUR ที่กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกกว่า 2,500 สินทรัพย์ มีกลยุทธ์การลงทุนกว่า 500 กลยุทธ์ และมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละประเภทสินทรัพย์กว่า 50 คน ทำหน้าที่มุ่งหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายรับอย่างสม่ำเสมอ อาทิ ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่ลงทุนได้ (Non-Investment Grade) ทั้ง US High Yield, European High Yield รวมถึงตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ หุ้นทั่วโลกที่มีการจ่ายปันผลสูง (Global Equity) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก (Global REITs) เป็นต้น โดยมุ่งหวังรายรับในรูปของเงินปันผลและดอกเบี้ยรับอยู่ที่ประมาณ 4-6% ต่อปี นอกจากนี้ กองทุนยังมีความความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเริ่มต้นลงทุนจาก 6 ประเภทสินทรัพย์ ขยายมาเป็นกว่า 12 ประเภทสินทรัพย์ในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันกองทุนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในกองทุนที่มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่มากที่สุดกองหนึ่งในยุโรป "กองทุน K-GINCOME แบ่งชนิดหน่วยลงทุน (Share class) ออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดสะสมมูลค่า และชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยกองทุน K-GINCOME-A(A) ชนิดสะสมมูลค่า จะเน้นการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนในระยะยาว โดยผู้จัดการกองทุนจะนำรายรับที่ได้จากการลงทุนไปลงทุนต่อเนื่องทำให้เงินลงทุนสะสมมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของกำไรจากการขายหน่วยลงทุน (Capital gain) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนต่อเนื่องในระยะยาว 5 ปีขึ้นไปเพื่อโอกาสเติบโตของเงินลงทุน ส่วนกองทุน K-GINCOME-A(R) ชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ จะเน้นการลงทุนที่สร้างรายรับสม่ำเสมอ ซึ่งกองทุนมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto redemption) สูงสุดไม่เกิน 12 ครั้งต่อปี โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินค่าขายคืนอัตโนมัติในลักษณะคล้ายกับการได้รับเงินปันผล แต่จะต่างกันตรงที่เงินค่าขายคืนนี้จะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเหมือนกับเงินปันผล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายรับสม่ำเสมอทุกเดือน ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน K-GINCOME-A(R) เมื่อปี พ.ศ. 2558 กองทุนมีการจ่ายเงินค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องทุกเดือนรวมทั้งสิ้น 48 ครั้ง เป็นเงิน 1.9462 บาทต่อหน่วย อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 4 ดาว ในกลุ่ม Global Allocation (ข้อมูลจาก Morningstar ณ วันที่ 28 มิ.ย. 62)" นายสุรเดชกล่าว นายสุรเดชกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่สนใจกองทุน K-GINCOME-A(A) และ/หรือ K-GINCOME-A(R) เมื่อลงทุนในระหว่างวันที่ 25 ก.ค. – 25 ก.ย. 62 และคงหน่วยลงทุนจนถึงวันที่ 25 ก.พ. 63 ยอดลงทุนสุทธิทุก 1 ล้านบาท รับ Cash Back 2,000 บาท (สูงสุด 20,000 บาท/ท่าน) เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บลจ.กสิกรไทยกำหนด สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถดูผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน K-GINCOME ได้สะดวกยิ่งขึ้นผ่านแอป K-My Funds หรือบริการ K-Cyber Invest และสามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่านช่องทางดิจิตอลของบลจ.กสิกรไทย (K-My Funds / K-Cyber Invest) หรือ ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอาจมีความผันผวนตามสภาวะตลาดและค่าเงิน กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในตราสารที่มีความเสี่ยงด้านอันดับเครดิตและสภาพคล่อง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ