JCKรับ2เด้งทุนต่างชาติไหลซบไทย-EEC ขยายพื้นที่อุตสาหกรรม “อภิชัย เตชะอุบล”ออกโรงกระทุ้งรัฐเร่งคลอดมาตรการจูงใจดึงลงทุน หวังดักทุนนอกหนีวุ่นวายสงครามการค้าจีน-มะกันและฮ่องกงยังป่วน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 25, 2019 09:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--พาร์ทูโกล JCK รับปัจจัยบวก 2 เด้ง เด้งแรกทุนต่างชาติไหลซบไทยหนีพิษสงครามการค้าจีน-อเมริกา การเมืองฮ่องกงระอุ และเด้งที่ 2 ครม.ขยายพื้นที่อุตสาหกรรมในEEC ดันLandbankขยับเพิ่มเป็น 5,000 ไร่ จากเดิม 2,000 ไร่ ทางด้าน "อภิชัย เตชะอุบล" ออกโรงเสนอให้รัฐบาล ฉวยจังหวะตีเหล็กตอนร้อนเร่งคลอดมาตรการจูงใจหวังดักทุนต่างชาติ หลังเริ่มเห็นสัญญาณทุนจากญี่ปุ่น จีน ไต้หวันเริ่มไหลเข้าไทย มั่นใจปี 63 ยอดขายที่ดิน 850 ไร่ โตกระฉูดจากปีนี้คาดขายได้ราว 50-100 ไร่ นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หรือJCK เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะผู้ประกอบการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก เริ่มเห็นสัญญาณของทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนในประเทศไทย อาทิเช่น ประเทศญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน ภายหลังสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกายังยืดเยื้อ ขณะที่ฮ่องกงประสบกับปัญหาความวุ่นวายภายใน พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติให้ขยายพื้นที่อุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) จาก 45,000 ไร่ เป็น 70,000 ไร่ นั้น ส่งผลให้จำนวนที่ดินรอการพัฒนา(Landbank)ของบริษัทฯ ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ขยับเพิ่ม จาก 2,000 ไร่ เป็น 5,000 ไร่ และจะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอย่างมากในปี 2563 "บริษัทฯได้รับผลบวก 2 ทาง จากพื้นที่รอการพัฒนาหรือ Landbankในมือของบริษัทฯขยับเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับปัญหาความวุ่นวายในฮ่องกง และสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกายังไม่มีข้อยุติ ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศแสดงความสนใจต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าในปี 2563 จะมียอดขายที่ดินราว 850 ไร่ สามารถปิดการขายนิคมอุตสาหกรรมTFD เฟส 2 ได้ และเริ่มนิคมอุตสาหกรรมTFDเฟส 3 ได้ทันที โดยยอดขายดังกล่าวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากปี 2562 นี้ ที่คาดว่าจะมียอดขายที่ดินราว 50-100 ไร่"ประธานกรรมการบริหารJCK กล่าว นายอภิชัย กล่าวว่า รัฐบาลควรใช้จังหวะที่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐยังไร้ทางออก การประท้วงในฮ่องกงยังไม่มีทีท่าจะมีข้อยุติ ให้เร่งออกมาตรการจูงใจเพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างชาติที่คาดว่าจะไหลออกจากประเทศที่มีปัญหา ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด เพราะหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยกัน ไทยยังเป็นประเทศที่มีเสน่ห์น่าลงทุนมากที่สุด จากการที่มีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภค

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ